“ความคืบหน้ากรณีที่สถานีอวกาศนานาชาติ
หรือ ISS ได้รับความเสียหาย นั้น
ได้รับการเปิดเผยจาก ดร. ฮิวส์ตัน ผู้อำนวยการองค์การ xxx ว่าขณะนี้ได้จัดส่งอุปกรณ์ซ่อมแซมไปให้นักบินอวกาศใช้แล้ว
คาดว่าจะสามารถดำเนินการซ่อมแซมได้ภายในวันนี้ ทั้งนี้
จากการตรวจสอบพบว่าความเสียหายดังกล่าวเป็นรอยแยกสี่ขีดคล้ายรอยเล็บแมว...”
“เล็บแมว ! เดี๋ยวนี้โลกเราชักจะแปลกมากขึ้นทุกวันนะแม่
จะมีแมวตัวไหนออกไปข่วนสถานีอวกาศได้ และดูสิรอยเล็บดังกล่าวก็ใหญ่เกินกว่าจะเป็นเล็บแมวนะ
พ่อว่าน่าจะเกิดจากการที่ โอ๊ย!” ธนาสะดุ้งถอยหลังจากโทรทัศน์จอแบน LED เมื่อมีมือข้างหนึ่งหยิกเข้าที่หูข้างขวาอย่างแรง
“มาช่วยแม่ปาดหน้าเค้กเสียดี ๆ” นภาทำท่าจะดึงหูสามีของเธออีกที่หาโอกาสอู้จากการทำเค้ก
“เข้าใจแล้วแม่ อย่าดึงหูเขาสิ
เดี๋ยวหลุด” ธนาเดินตามภรรยาเข้าไปในครัวแต่โดยดี
***
นี่มันที่ไหนกัน
กล้าจำได้ว่าเขานั่งอยู่บนเบาะของรถไฟเหาะตีลังกาที่สวนสนุกกับเพื่อน ๆ
แต่แล้วเมื่อรถไฟใกล้จอดก็ปรากฏแสงสว่างจ้า
ตัวเขาถูกเหวี่ยงไปข้างหน้าและกลับมานั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่บนพื้นในสถานที่สุดประหลาด
ห้องแคบ ๆ ที่มีนกสวมชุดเกราะสีดำเมื่อมขนาดตัวเท่าคนอยู่เต็มไปหมด
แต่ละตัวก็สูงกว่าเขาแทบทั้งสิ้น ยกเว้นเจ้านกเขาตัวที่อยู่ตรงหน้าเขานี่
ที่ต่างออกไป นอกจากจะตัวเตี้ยกว่าเขาแล้ว ยังใส่ชุดเกราะสีเขียว
และสวมหมวกทรงหม้อตาลซึ่งมีตราปีกนกประดับอยู่ตรงหน้าหมวกอีก
“จุ๊กกรู ####@#@#@#@#@#@” เจ้านกเขาตัวเขื่องที่อยู่หน้าเขาพูดขึ้นด้วยภาษาที่เขาฟังไม่ออก
นอกจากคำว่า จุ๊กกรู เท่านั้น
“%%BB@$@#$@#@#$ จุ๊กกรู”
พูดอะไรฟังไม่รู้เรื่องอีกแล้ว
ทำไมถึงไม่พูดภาษาไทยนะ
“&&%$%^%#$#@ จุ๊กกรู!”
เจ้านกเขาข้างหน้าเริ่มเสียงดังขึ้น พร้อมจ้องหน้าเขาเขม็ง
ชักจะรำคาญเสียแล้วสิ
“****จุ๊กกรู” เจ้านกเขาเสียงดังขึ้นกว่าเก่า พร้อมยกปีกข้างหนึ่งชี้มาที่เขา
ในขณะที่นกตัวอื่นเริ่มเข้ามารุมล้อมเขา
ท่าจะไม่ดีเสียแล้วสิ
“ผมฟังคุณไม่รู้เรื่อง” กล้าตัดสินใจพูดออกไป คำกล่าวของเขาทำให้นกทุกตัวชะงัก
ส่วนนกเขาข้างหน้ามีสีหน้าฉงน
ก่อนจะใช้ปีกข้างที่ชี้หน้าเขาอยู่หยิบเอาอะไรบางอย่างออกมา
และเมื่อเขาเห็นชัดเจนว่าเป็นอะไร กล้าก็ใจฝ่อลงทันที
นั่นมัน ปืนนี่นา!
“เฮ้! ทำอะไรปล่อยผมนะ”
เด็กหนุ่มโวยวายเมื่ออยู่ ๆ
นกตัวหนึ่งจะเข้ามาล็อคแขนทั้งสองข้างไว้แน่น
ส่วนเจ้านกเขาข้างหน้าก็เอาปืนจ่อที่หัวเขา
นี่กะจะฆ่ากันเลยเหรอ! เขายังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ แค่โวยวายหน่อยเดียวเอง
“อย่า..” เด็กหนุ่มพูดได้เพียงเท่านั้น
เจ้านกเขาก็ลั่นไกออก
ฟุบ!
เด็กหนุ่มรู้สึกเจ็บแปลบตรงต้นคอ
สักพักก็รู้สึกคล้ายกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นเข้าสู่ร่างกาย เขารู้สึกชาไปหมดทั้งตัว
แต่ก็สักพักเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นร่างกายเขาก็กลับเป็นปกติอีกครั้ง
และเจ้านกตัวที่จับแขนเขาอยู่ก็ปล่อยเขาให้เป็นอิสระ
“ทีนี้ก็พูดกันรู้เรื่องแล้วนะ” เจ้านกเขาข้างหน้าเก็บปืนที่เพิ่งใช้ยิงเขาไว้ที่เอว
“ไม่ต้องตกใจไป นั่นคือ
ชิบแปลภาษาขนาดเท่าจุลินทรีย์ ที่จะกระตุ้นให้สมองสามารถเข้าใจภาษาของพวกเราได้
และยังทำให้พวกเราเข้าใจภาษาของพวกเจ้าได้อีกด้วย
“ทีนี้
ก็ตอบคำถามของข้ามาได้แล้วเจ้าหนู” เจ้านกเขาขยับหน้าเข้าใกล้เขา
“ว่าเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร”
เด็กหนุ่มยิ้มก่อนที่จะให้คำตอบด้วย
มะเหงก
“โอ๊ย! นี่หาเรื่องข้าหรือไง
ฮึ จุ๊กกรู” เจ้านกเขายกปีกขึ้นลูบหัวป้อย ๆ
“นั่นสำหรับการที่คุณยิงผมโดยไม่บอกกล่าว
และสำหรับการเรียกผมว่าเจ้าหนูด้วย” กล้าตอบอย่างไม่เกรงกลัว
นกตัวที่เคยล็อคแขนเขาไว้เดินเข้ามาพร้อมจะลงมือกับเขา แต่เจ้านกเขายกปีกขึ้นห้าม
“ไม่ต้อง ข้าจัดการเอง” เจ้านกเขายื่นหน้าเข้าใกล้เด็กหนุ่มก่อนที่จะเผยอยิ้ม
“โอ๊ย! มันเจ็บนะ”
เด็กหนุ่มลูบหัวตัวเองที่พึ่งถูกนกเขากระโดดจิก
ในขณะที่เจ้านกเขาตรงหน้าและนกที่เหลืออยู่หัวเราะในท่าทางของเด็กหนุ่ม
“เอาละเลิกเล่นกันเสียที” เจ้านกเขากลับมาทำหน้าจริงจังอีกครั้งทำให้นกตัวอื่น
ๆ หยุดหัวเราะ
“ตอบข้ามาได้หรือยังเจ้าหนูว่า
เข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ?” เด็กหนุ่มนิ่ง
“ข้าถามว่าเข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ?”
เด็กหนุ่มยังคงไม่ตอบ
“ตอบข้ามาเดี๋ยวนี้นะ จุ๊กกรู!” เจ้านกเขาขึ้นเสียงอีกครั้ง
“ผมจะไปรู้เหรอ” กล้าเถียงกลับ
เขาเริ่มอารมณ์ไม่ดีเสียแล้วสิ อยู่ ๆ ก็มาเจอใครก็ไม่รู้มาตะคอกถามซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ผมก็เล่นรถไฟเหาะตีลังกาอยู่ดี ๆ
แล้วก็มีแสงสว่างวาบ และแรงกระแทก แล้วผมก็มาเจอพวกคุณนี่แหละ” กล้าตะโกนใส่หน้าเจ้านกเขา
“อ๋อ! เข้าใจละ”
เจ้านกเขาใช้ปีกลูบคางของตนก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “ลากเจ้าเด็กนี่ออกไป!”
“เดี๋ยวก่อน นี่มันเรื่องอะไรกัน
ปล่อยผมนะ” กล้าตะโกนและพยายามขัดขืนนกกระจอกในชุดเกราะสองตัวที่หิ้วปีกเขาพาไปที่ประตูทางออก
แต่ยังไม่ทันที่จะไปถึง ประตูก็เปิดออกเสียก่อน
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่ ?” เป็นคำถามของนกตัวใหม่ที่ปรากฏกายขึ้นที่หน้าประตู นกสองตัวที่หิ้วปีกกล้าปล่อยมือออกจากแขนของเด็กหนุ่มทันที
ก่อนที่จะทำท่าวันทยาหัตถ์
เจ้านกเขาก้าวเข้ามาและแสดงความเคารพด้วยท่าวันทยาหัตถ์เช่นกัน
“มีเด็กแปลกหน้าเข้ามาในฐานทัพของพวกเราขอรับ
จุ๊กกรู ท่านเวสป้า” เจ้านกเขารายงานพร้อมกับชี้ปีกมาทางเด็กหนุ่มที่ตอนนี้กำลังจ้องมองนกตัวที่ถูกเรียกว่าท่านเวสป้าเขม็ง
‘นกตัวนี้สูงชะมัดเลยแฮะ’ เด็กหนุ่มคิดพลางสำรวจนกที่อยู่ตรงหน้า
ถ้าเด็กหนุ่มได้ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของนกมาก็จะรู้ว่านกตัวที่เห็นอยู่ตรงหน้ามีลักษณะตรงกับนกกางเขนดงตัวผู้
เห็นได้จากขนสีดำเหลือบน้ำเงินทั้งบริเวณหัวและที่ปีก จงอยปากบนที่งุ้มลงเล็กน้อย
ปีกหลังที่มนกลม นกกางเขนดงนี้มีร่างกายที่สูงใหญ่ จงอยปากที่แหลมคม
ดวงตาที่ดูดุดัน
ปีกหลังที่หากกางออกก็จะมีความยาวจากปลายปีกข้างหนึ่งจนถึงปลายปีกอีกข้างหนึ่งวัดได้ถึงห้าเมตร
กรงเล็บที่ขาพร้อมที่จะฉีกกระฉากศัตรูเป็นชิ้น ๆ เมื่อรวมกับชุดเกราะและหมวกเกราะสีดำเข้มที่สวมใส่อยู่
ทำให้ดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก
“มองอะไร” เสียงห้วนสั้นที่ออกมาจากปากของนกกางเขนดงตรงหน้าทำให้กล้าสะดุ้ง
พลางก้าวถอยหลังไปอย่างลืมตัวจนเกือบจะหกล้มดีที่มีนกข้างหลังคอยจับตัวเขาไว้
“ฮ้าว! อย่าตวาดใส่เด็กสิ
เวสป้า” เสียงที่ดังขึ้นมาทำให้ทุกคนในห้องหันไปมองทางเจ้าของเสียง
สิ่งที่เด็กหนุ่มมองเห็นคือแมวดำตัวใหญ่เกือบเท่าคนนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ไม้หัวโต๊ะกำลังอ้าปากหาวหวอด
ๆ อย่างไม่เกรงใจใคร
และถึงแม้ว่าลำตัวส่วนบนจะถูกมัดอยู่ด้วยเส้นเชือกเรืองแสงสีแดง
แต่เจ้าแมวดำก็ยกเท้าทั้งสองข้างขึ้นวางไว้บนโต๊ะ
พร้อมกับเอนตัวไปข้างหลังทำท่าจะหลับต่อ
“ใครใช้ให้แกพูด หา!” นกกระจอกตัวหนึ่งปราดเข้าไปหาก่อนจะทุบโต๊ะด้วยเสียงดังปัง
ทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้งอีกรอบ
“ก็แค่บอกไม่ให้รังแกเด็กเท่านั้นเอง
จริงไหมเวสป้า” พูดเสร็จเจ้าแมวดำก็หันไปมองนกกางเขนดง
“อย่ามาพูดเล่นกับข้า” เวสป้าตอบกลับพร้อมจ้องเจ้าแมวดำตรงหน้าด้วยดวงตาที่ดุดัน
“ไม่เอาน่าเพื่อน
พูดแค่นี้ไม่เห็นต้องโกรธกันเลย” เจ้าแมวดำเผยอยิ้มที่มองแล้วกวนประสาทที่สุด
จนแม้แต่เด็กหนุ่มก็รู้สึกคันไม้คันมือขึ้นมาตงิด ๆ
“จะมากไปแล้วนะเจ้าแคทเทิน” นกกระจอกอีกตัวทำท่าจะเข้าไปเล่นงาน แต่เวสป้าส่งสายตาเฉียบขาดปราม
ทำให้นกตัวนั้นถอยหลังไปแต่โดยดี
“พวกนกนี่ขี้โมโหอย่างนี้กันทุกตัวเลยหรือไง
น่าจะปฏิบัติต่อเชลยศึกให้ดีกว่านี้นะ” เจ้าแมวดำทำท่ารำคาญ
เอาล่ะ นี่คือฐานทัพของพวกนก
เจ้านกตรงหน้าเขานี่ชื่อเวสป้าเป็นหัวหน้าของพวกนกเหล่านี้
และแมวดำผู้ไม่รู้กาลเทศะเป็นเชลยศึกของพวกนี้ กล้าได้ข้อมูลเพิ่มเติมแล้ว
“ถ้าแกยังไม่หุบปาก จะได้เจอดีแน่”
คำพูดของนกกางเขนดงทำให้กล้ารู้สึกหวาดหวั่นว่าถ้าเขาเป็นเชลยศึกของเจ้าพวกนี้บ้าง
จะต้องเจอกับอะไรนะ
“เอ้า! ถ้าหุบปากแล้วจะสอบสวนต่อได้ยังไงกัน
หรือได้เวลาที่จะพาข้าไปเข้าห้องขังแล้ว” เจ้าแมวดำพูดโดยไม่สะทกสะท้าน
“ได้อะไรบ้าง ?” นกกางเขนดงไม่สนใจที่จะต่อล้อต่อเถียงกับเชลยศึกอีกต่อไป
เขาหันไปถามเจ้านกเขาที่เป็นลูกน้องแทน
“นอกจากข้อมูลพื้นฐานแล้วเราไม่ได้อะไรเลยจากปากเจ้าแมวนี่เลยขอรับ
จุ๊กกรู” เจ้านกเขาเว้นวรรคก่อนจะพูดต่อ “และพอกำลังจะสอบสวนต่อ อยู่ ๆ ก็มีแสงประหลาดและเจ้าเด็กนี่ก็โผล่มาขอรับ
จุ๊กกรู”
เอ้า! วกกลับมาเรื่องของเขาจนได้
กล้าทำหน้าเซ็ง แต่นี่ก็เป็นโอกาสที่จะได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่มิใช่หรือ
เด็กหนุ่มจึงหันกลับมามองหน้านกที่ชื่อเวสป้าอีกครั้ง ซึ่งเวสป้าก็จ้องตอบเขามา
กล้ามองเห็นประกายตาที่ดูประหลาดใจ
ทั่้งคู่จ้องหน้ากันอยู่พักหนึ่งก่อนที่ฝ่ายนกจะเอ่ยปากถาม
“แล้วเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร ฮึ เจ้าหนู”
ถามเรื่องนี้อีกละ น่ารำคาญจังแฮะ
เด็กหนุ่มทำหน้าเซ็งแต่ก็ยอมตอบออกไปโดยดี
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ” เป็นคำตอบที่ตรงไปตรงมา
“ไม่รู้อย่างนั้นหรือ” เจ้านกกางเขนดงตรงหน้าขมวดคิ้ว
“เฮ้ย! ข้าขอเตือนนะขอรับ
จุ๊กกรู ว่าอย่าเล่นลิ้นกับท่านเวสป้าเป็นอันขาด” เจ้านกเขาเตือนด้วยถ้อยคำและสีหน้าที่เย็นชา
“ผมก็ไม่ได้เล่นลิ้น
ก็อย่างที่ผมบอกคุณจุ๊กกรูไปนั่นแหละว่า
กำลังเล่นรถไฟเหาะตีลังกาอยู่ที่สวนสนุกกับเพื่อน ๆ อยู่ ๆ ก็มีแสงประหลาดสว่างวาบ
แล้วผมก็มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรก็ไม่รู้”
“นั่นสินะ เด็กจะไปรู้อะไรล่ะ
ถามอยู่ได้ ฮะ ฮะ คุณจุ๊กกรู” เจ้าแมวดำหัวเราะได้อย่างน่าหมั่นไส้ที่สุด
“เลิกเรียกข้าว่าคุณจุ๊กกรูได้แล้ว
นั่นไม่ใช่ชื่อของข้านะขอรับ จุ๊กกรู” เจ้านกเขาเริ่มโวยวาย
“แล้วชื่ออะไรล่ะบอกผมมาสิ”
“เรื่องอะไรข้าจะบอกให้เด็กแปลกหน้าอย่างเจ้าล่ะขอรับ
จุ๊กกรู” เจ้านกเขาไม่ยอมแพ้แต่เมื่อเห็นสายตาของนกที่ชื่อเวสป้าที่มองมา
เจ้านกเขาก็ยอมสงบปากสงบคำก่อนจะเอ่ยแนะนำตัวขึ้นว่า
“ข้าชื่อ ชแปร์โรว พันตรีชแปร์โรว แห่งกองกำลังวิหควายุ ยินดีที่ได้รู้จักขอรับ
จุ๊กกรู”
“เป็นนกเขาทำไมถึงชื่อชแปร์โรว?”
เด็กหนุ่มยังคงสงสัย “ชแปร์โรวนั่นควรจะเป็นนกกระจอกไม่ใช่หรือไง”
“ข้าจะตั้งชื่อตัวเองว่าอะไร
มันก็เป็นเรื่องของข้านะขอรับ จุ๊กกรู”
“จะเถียงกันอีกนานไหม” เป็นคำพูดที่เรียบแต่เฉียบขาด ส่งผลให้ทั้งคู่ต้องยุติการโต้เถียงลงทันที
“ขอประทานโทษขอรับจุ๊กกรู
กระผมเสียมารยาทไปหน่อย” ชแปร์โรวกล่าวพลางก้มหัวให้หัวหน้าของตน
“เอาล่ะเจ้าหนู เรื่องต่อไปที่ข้าอยากรู้ก็คือ”
เวสป้าหันมาพูดกับเด็กหนุ่มอีกครั้ง
“เจ้าเป็นใคร ?”
นี่ควรจะเป็นคำถามแรกที่ถามก่อนที่จะถามว่าเขามาที่นี่ได้อย่างไรนะ
“ผมชื่อ กล้า”
กับคนแปลกหน้าบอกข้อมูลของตนเองให้อีกฝ่ายรู้ให้น้อยที่สุดจะได้ปลอดภัย
พี่สอนเขามาอย่างนั้น
“กล้าเหรอ ชื่อดีนี่” เวสป้ายกมือขึ้นกอดอกก่อนจะถามคำถามต่อไป
“เจ้ามาจากไหน ?”
“ผมมาจากกรุงเทพมหานคร”
“ช่วยขยายความด้วย”
‘ซักอยู่ได้เจ้านกนี่’ เด็กหนุ่มคิด
“ก็เมืองหลวงของประเทศไทย”
ขอกวนหน่อยก็แล้วกัน
“แค่นั้นเหรอ”
“ซึ่งอยู่ในทวีปเอเชีย” เด็กหนุ่มตอบพลางยิ้มเยาะคู่กรณีตรงหน้าอย่างไมเกรงกลัว
ทำให้อีกฝ่ายจ้องเขาเขม็ง
“นี่เจ้าหนู
รู้ไหมว่าที่ข้าถามเจ้าน่ะ..”
“ช่างปัญญาอ่อนเสียนี่กระไร” เชลยศึกแมวดำต่อให้จนจบประโยค
พลางทำท่าหาวอีกรอบโดยไม่เกรงกลัวต่อคมมีดของทหารนกกระจอกนายหนึ่งที่จี้ใส่คอของตัวเอง
“แทนที่จะอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้คนตรงหน้าเข้าใจให้กระจ่าง
แล้วค่อยหาทางแก้ไขปัญหาเรื่องผู้บุกรุก
กลับเอาแต่ถามคำถามไร้สาระที่เจ้าตัวคงไม่อาจจะตอบไปได้มากกว่านี้ พวกนกนี่นะ”
“นั่นมันไม่ใช่เรื่องของแก” เวสป้าตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“แต่ผมเห็นด้วยนะ” คำพูดของเด็กหนุ่มทำให้นกกางเขนดงตรงหน้าเลิกคิ้วขึ้น
“คุณถามผมมามากแล้ว ได้เวลาที่คุณจะต้องตอบคำถามของผมบ้าง”
“ทำไมข้าจะต้องตอบคำถามของเจ้าด้วยล่ะ
เจ้าหนู”
“หัดดูสถานการณ์บ้างนะเจ้าหนู
เจ้าอยู่ตัวคนเดียว ส่วนข้ามีลูกน้องอยู่ตั้งหลายคน การจะจัดการให้เจ้าหายตัวไปน่ะ
ง่ายยิ่งกว่าจับแมลงเข้าปากเสียอีก”
เด็กหนุ่มถึงกับนิ่งไปกับคำขู่เข็ญนั้น
แต่สุดท้ายเขาก็หลุดขำออกมา
“หัวเราะอะไร” นกกางเขนดงทำหน้าไม่พอใจที่เด็กหนุ่มตรงหน้าไม่เกรงกลัวเขาเลย
ก็คำพูดตอนท้ายไง สุภาษิตของพวกนกนี่ช่างคล้ายสำนวนไทยเลย
แค่ดัดแปลงให้เข้ากับอาหารของนกก็เท่านั้น
“ไม่ใช่เรื่องของพวกคุณหรอก” เด็กหนุ่มกลับมาทำหน้าจริงจังเหมือนเดิม
“เอาล่ะถ้าพวกคุณไม่บอกผมมาดี ๆ
ว่าพวกคุณเป็นใครล่ะก็ เตรียมตัวเข้าไปนอนในมุ้งสายบัวได้เลย” ว่าแล้วเด็กหนุ่มก็กดหมายเลข ๑๙๑ อย่างรวดเร็ว ทว่า
อ้าว ! ทำไมไม่มีสัญญาณล่ะเนี่ย เด็กหนุ่มหน้าเจื่อน
ในขณะที่นกเขาชวาและทหารนกกระจอกยิ้มเยาะกับความพยายามอันไร้ผล
“โทรศัพท์ของเจ้าใช้ที่นี่ไม่ได้หรอก”
เสียงสำทับของนกกางเขนดงทำให้เด็กหนุ่มรู้ตัวกำลังจะซวยเสียแล้ว
เขายังไม่เห็นหนทางที่จะเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ไปได้เลย
“พวกคุณเป็นใครกันแน่ และที่นี่ที่ไหน ?”
เด็กหนุ่มเริ่มโวย
“อยากรู้มากนักรึ” เมื่อเด็กหนุ่มพยักหน้า เวสป้าจึงเฉลยข้อสงสัยดังกล่าว
“จะบอกให้ก็ได้
พวกเราคือเหล่าทหารวิหคแห่งเบิร์ดโดวิงกา ข้า
นาวาอากาศเอกลุฟต์ เวสป้า ผู้บัญชาการกองกำลังวิหควายุ
และเป็นแม่ทัพของฐานทัพลับแห่งนี้ ส่วนเจ้าก็คือผู้บุกรุกเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต
เพราะฉะนั้น พวกเราจะเอาตัวเจ้าออกไปจากฐานทัพแห่งนี้ เข้าใจไหม”
เด็กหนุ่มนิ่งไปก่อนที่จะพยักหน้ารับ
“อ้อ! ผมเข้าใจแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี ข้าจะได้...” ยังไม่จบประโยคดี เด็กหนุ่มก็ขัดขึ้นมา
“เดี๋ยวก่อน”
“อะไรอีกล่ะ ?” นกกางเขนดงทำหน้ารำคาญเด็กหนุ่มตรงหน้าเต็มที
“ผมขอคุยกับผู้กำกับหน่อยได้ไหม ?”
“ผู้กำกับอะไร ?” เวสป้าทำสีหน้าฉงน
“ก็ผู้กำกับภาพยนตร์ไงล่ะครับ”
“ภาพยนตร์อะไร ?” เวสป้ายังคงไม่เข้าใจสิ่งที่เด็กหนุ่มต้องการสื่อ
“ก็ภาพยนตร์ที่พวกคุณแสดงอยู่นี่ไงเล่า”
กล้าต้องขึ้นเสียงอีกแล้ว
“พูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่อง”
“ฟังให้ดีนะ
ตอนแรกผมก็งงเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แต่พอฟังที่คุณพูดออกมาเมื่อกี้ผมจึงเข้าใจสถานการณ์เลยว่า พวกคุณกำลังแสดงภาพยนตร์อยู่เรื่องที่เกี่ยวกับสงครามอวกาศระหว่างนกกับแมวนี่แหละ
แล้วเผอิญผมเข้ามาขัดจังหวะ แต่พวกคุณคิดจะแกล้งให้ผมตกใจเล่น
จึงทำเนียนแสดงต่อไปโดยไม่ให้เสียเวลาตัดต่อ
ทำให้ผมหลงคิดไปว่ามาเจอกับสถานการณ์ประหลาด และเจอตัวประหลาดเข้าให้แล้ว ผมต้องยอมรับเลยนะครับว่าสมจริงมากเลย
แต่ตอนนี้การแสดงของพวกคุณจบแล้ว ผมคงต้องขอตัวกลับแล้ว”
เวสป้าอึ้งไปชั่วขณะกับคำอธิบายของเด็กหนุ่ม
“มั่วแล้วเจ้าหนู
ไม่มีการแสดงอะไรทั้งสิ้น” ในที่สุดผู้บัญชาการของเหล่าวิหคก็ตอบกลับ
“เอาเถอะจะอย่างไรก็ช่าง ผมไปได้หรือยัง”
“ไม่ได้ เจ้าจะต้องอยู่กับพวกเราก่อน
ชแปร์โรว”
“ขอรับ จุ๊กกรู”
“พาเจ้าเด็กนี่ไปที่ห้อง เฮ้!”
เด็กหนุ่มเห็นประตูเปิดที่อยู่ด้านหลังนกกางเขนดงเปิดออกมาพอดี
จึงถือโอกาสผลักนกเขาชวาที่อยู่ด้านข้างตัวเขาให้ไปชนกับนกกางเขนดงตรงหน้าอย่างแรงก่อนจะรีบวิ่งไปที่ประตู
วิ้ว! พลั่ก!
เด็กหนุ่มกลับมานั่งก้นจ้ำเบ้าที่พื้นอีกครั้ง
เมื่ออยู่ ๆ ก็มีลมแรงดูดเขากลับเข้ามาในห้อง และยังไม่ทันที่เขาจะร้อง
แรงลมก็ดีดตัวเขาให้ลอยขึ้นจากพื้น
เด็กหนุ่มเห็นผู้บัญชาการของเหล่าวิหคยกมือขึ้นข้างซ้ายชี้มาที่ตัวเขา
ดวงตาทั้งสองข้างของนกกางเขนดงเต็มไปด้วยประกายแห่งโทสะ
“อย่าบอกนะว่านี่เป็นฝีมือของคุณ”
ผู้บัญชาการฐานทัพตอบรับด้วยการสะบัดมือไปด้านหลังอย่างแรง
เด็กหนุ่มก็ลอยตามแรงลมออกนอกห้องไป ผ่านทางเดินที่ยาว
ก่อนจะหยุดอยู่ห่างจากกระจกเพียงแค่ไม่กี่เซนติเมตร
ฟู่ว! เกือบไปแล้วไหมล่ะ
เด็กหนุ่มแทบจะยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่อยู่ ๆ ก็ไหลมาจากหน้าผาก
“นี่มัน” เด็กหนุ่มอุทาน
ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้เขาตื่นตะลึง
ภูเขาสูงเสียดฟ้าทะลุผ่านก้อนเมฆสีรุ้งจำนวนมาก
เป็นภาพที่งดงามและดูอัศจรรย์
ในขณะที่เมื่อเหลือบตามองลงไปข้างล่างก็พบกับผืนป่าสีเขียวแกมน้ำเงิน
สลับด้วยแหล่งน้ำสีเทาซึ่งสะท้อนแสงอาทิตย์ออกมา
มองอย่างไรที่นี่ก็ไม่ใช่สวนสนุกที่เขามาเที่ยวแน่นอน
ไม่น่าจะใช่สถานที่ใดที่หนึ่ง และไม่น่าจะใช่ในโลกมนุษย์ด้วย
เด็กหนุ่มพยายามจะเพ่งมองอีกครั้ง
แต่แล้วตัวเขาก็ถูกลมดูดให้กลับมาในห้องเป็นครั้งที่สอง
และเผชิญหน้ากับนกที่ทำให้เขาต้องตัวลอยอีกครั้ง ทั้งสองจ้องหน้าตากันอยู่สักพัก
ก่อนที่นกการเขนดงจะสะบัดมือลงล่าง ทำให้ลมที่พยุงเด็กหนุ่มไว้สลายตัวไป
โชคดีที่คราวนี้เท้าทั้งสองข้างของเขาแตะพื้นห้องอย่างนุ่มนวล
เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองนกกางเขนดงตัวโตซึ่งได้ออกคำสั่งกับเขาทันทีที่เขาเงยหน้าขึ้นว่า
"คราวหลังอย่าได้พยายามหนีอีก
นี่ไม่ใช่สถานที่ที่จะเดินเล่นนะ จำเอาไว้"
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ
ก่อนที่จะตัดสินใจพูดเรื่องที่คิดออกมา
“พวกคุณเป็น เอ่อ มนุษย์ต่างดาว จริง ๆ
เหรอ” เด็กหนุ่มต้องการคำตอบที่มั่นใจได้จากนกตรงหน้า
“ภาพที่เจ้าเห็นข้างนอกยังไม่ชัดเจนอีกหรือไง
ฮึ” ผู้บัญชาการฐานทัพลดมือทั้งสองข้างลงแล้ว
“แบบว่า ผมไม่ได้ฝันไปสินะ” เด็กหนุ่มยังไม่รู้จะพูดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งรับรู้อย่างไรดี
“และก็ไม่ได้เป็นการแสดงด้วย” เวสป้าพูดเสริม
“พวกคุณเป็นทหารวิหค ที่นี่เป็นฐานทัพของพวกคุณ
และอยู่ ๆ ผมก็มาอยู่ในฐานทัพของพวกคุณในเวลาที่พวกคุณสอบปากคำเชลยศึกอยู่”
“ก็อย่างที่พูดนั่นแหละ”
“แล้วไม่ทราบว่าผมจะกลับบ้านอย่างไรล่ะครับ”
เด็กหนุ่มชักไม่อยากจะอยู่ที่นี่เสียแล้ว
เขาเริ่มเป็นห่วงเพื่อนที่มาเที่ยวด้วยกันว่าจะสาละวนแค่ไหนที่เขาหายตัวไป
และถ้าคุณพ่อคุณแม่รู้ว่าเขามาอยู่ในสถานที่ไกลโพ้นไม่รู้ทางหรือวิธีที่จะกลับไปที่บ้านแล้ว
จะทำอย่างไร เขาไม่ต้องการจะทำตัวเป็นภาระให้คนอื่นต้องเดือดร้อน
“บอกที่อยู่มาสิขอรับ
แล้วพวกข้าจะส่งเจ้ากลับไป จุ๊กกรู” ผู้พันนกเขาพูดจาดีกับเด็กหนุ่มเป็นครั้งแรก
“เอ่อ ! ช่วยส่งผมไปที่สวนสนุก xxx
ได้ไหม”
“ตอบมาแค่นี้ไม่ได้ช่วยให้หาพิกัดเจอเลยนะขอรับ
จุ๊กกรู”
“ถ้าอย่างนั้น
ส่งผมกลับไปที่บ้านที่กรุงเทพก็ได้นะ บ้านผมเลขที่”
“บอกแบบนั้น พวกข้าไม่รู้หรอกขอรับ
จุ๊กกรู ต้องบอกพิกัดที่แน่นอนออกมา”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนี่ว่าบ้านผม ซอยผม
อยู่พิกัดไหน ผมไม่ได้เก่งภูมิศาสตร์สักหน่อย” เด็กหนุ่มโวยอีกรอบ
“อะไรกัน
จำพิกัดของบ้านหลังนั้นไม่ได้หรือไง” เชลยแมวดำโพล่งขึ้นมาอีกแล้ว
ผู้บัญชาการฐานทัพส่ายหน้า “ข้าไม่ได้เข้าไปในบ้านซะหน่อย เจ้าพาเขาเข้าไปเองไม่ใช่รึ”
“แต่อย่างน้อยก็อยู่ในซอยนั้นนี่นา”
แมวดำยังคงพูดต่อ
พูดเรื่องอะไรกันน่ะ เด็กหนุ่มทำหน้างง
ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ทำให้เด็กหนุ่มหันไปเพ่งมองแมวดำอย่างละเอียด
ก่อนจะพบว่าเจ้าแมวตัวนี้ช่างมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับแมวในฝันที่ช่วยเขาไว้จากกลุ่มอันธพาลเหลือเกิน
หรือว่า
“ว่าแต่เจ้าหนู แผลหายดีหรือยัง”
แมวดำหันมาพูดกับเขา
ให้ตายเถอะ นี่มันเรื่องจริงหรือนี่!