วันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2553

หนังสือ เพื่อนแท้ในชีวิต

หากคุณว่างงาน คุณจะทำอะไร ?



หากคุณเบื่อ คุณจะทำอะไร ?



หากโทรทัศน์เสีย คุณจะทำอะไร ?



ช่วงปีใหม่ไม่ได้ไปเที่ยว คุณจะทำอะไร ?







ผู้เขียนขอแนะนำว่า ทำไมไม่ลองอ่านหนังสือ ล่ะ เพราะหนังสือช่วยคุณได้ ให้คลายเหงา ให้หายเศร้า เพราะหนังสือนั้นเป็นเพื่อนแท้ในชีวิตของคุณ





ที่ผู้เขียนถือว่าหนังสือเป็นเพื่อนแท้ในชีวิตของคุณนั้น ก็เพื่อนเหล่านี้ เป็นเพื่อนที่มีคุณสมบัติของความเป็นเพื่อนที่ดีหลายประการ กล่าวคือ




๑. หนังสือเป็นเพื่อนที่สามารถตอบคำถามของคุณได้ยามคุณมีปัญหา/ข้อสงสัย



๒. หนังสือเป็นเพื่อนที่ช่วยให้คุณคลายเครียดได้



๓. หนังสือเป็นเพื่อนที่ไม่เคยปฏิเสธคุณ และไม่เคยเถียงคุณเลยแม้แต่สักคำเดียว




๔. หนังสือเป็นเพื่อนที่ช่วยแจ้งข้อมูลข่าวสารความเป็นไปต่าง ๆ ให้คุณได้รับทราบเสมอ



๕. หนังสือเป็นเพื่อนที่ช่วยให้คุณได้รู้จักเพื่อนใหม่ที่อยู่ในหนังสือ แม้ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะไม่มีตัวตนอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงก็ตาม



๖. หนังสือเป็นเพื่อนที่ช่วยให้คุณได้รู้จักกับคำศัพท์จำนวนมาก




๗. หนังสือเป็นเพื่อนที่ช่วยให้คุณรู้จักความสุนทรีย์ในชีวิต



๘. หนังสือเป็นเพื่อนที่ช่วยให้คุณมีข้อมูลในการสอบ



๙. หนังสือเป็นเพื่อนที่ช่วยให้คุณได้เดินทางท่องไปในดินแดนต่าง ๆ มากมาย ทั้งที่มีอยู่จริงและที่ไม่มีอยู่จริง



๑๐. หนังสือเป็นเพื่อนที่ช่วยให้คุณได้รู้จักกับความคิดเห็นคนจำนวนมาก



ฯลฯ





เพื่อนที่ชื่อว่าหนังสือนี้ ก็มีอยู่หลายประเภทด้วยกัน เรามารู้จักกับพวกเขาดีกว่า



๑) เพื่อนประเภทแรกเป็นเพื่อนที่มาหาคุณอยู่ทุกวัน พวกเขาจะมาเพื่อบอกเรื่องราวความเป็นไปในสังคม ทั้งสังคมไทย และสังคมโลก พวกเขายังแสดงความคิดเห็นอันหลากหลายต่อสถานการณ์ความเป็นไปต่าง ๆ มีอยู่หลายครั้งที่พวกเขาชอบแนะนำสินค้าหรือบริการต่าง ๆ รวมถึงแนะนำที่ทำงานให้คุณด้วย คุณจะได้รับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ในโลกนี้อย่างแน่นอน และคุณยังจะได้รับทราบว่าวันนี้คุณควรจะไปดูภาพยนตร์เรื่องอะไรดี และประมาณต้นเดือนและกลางเดือน คุณก็จะชอบใจกับการที่พวกเขาจะมาบอกถึงกลุ่มเลขแห่งโชคชะตาที่อาจจะช่วยให้ฐานะทางการเงินของคุณดีขึ้น (?) ด้วย อย่างไรก็ตาม บางครั้งคุณก็ไม่ชอบเพื่อนเหล่านี้หรอก เพราะมีอยู่บ่อยครั้งทีเดียวที่พวกเขาชอบมาพร้อมกับเรื่องที่ไม่เป็นมงคล จนบางครั้งคุณอาจจะมองโลกในแง่ร้าย และพวกเขาก็ชอบอวดภาพที่ดูแล้วทำให้กินข้าวไม่ลงไปเลยทีเดียว


เพื่อนประเภทแรกที่คุณรู้จักกันดี ก็อย่างเช่น "ไทยรัฐ "
"เดลินิวส์" "ข่าวสด" "มติชน" "Bangkok Post" ฯลฯ



๒) เพื่อนประเภทที่สอง เป็นเพื่อนที่จะมาหาคุณหรืออยู่ที่ร้านเป็นช่วงระยะเวลา พวกเขาเหล่านั้นอาจจะมาสัปดาห์ละครั้ง ครึ่งเดือนต่อครั้ง เดือนละครั้ง สามเดือนต่อครั้ง หรืออาจจะนานกว่านั้น แต่ก็เป็นการคุ้มค่าที่จะรอพวกเขามาหา เพราะพวกเขาจะมาพร้อมกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่น่าสนใจ ทั้งเรื่องแนวสารคดี และแนวบันเทิงคดี ทั้งละคร นิยาย เรื่องสั้น คำกลอน สารคดี ความรู้รอบตัว เรื่องสยองขวัญ เรื่องแนวรักใคร่ แถมด้วยข่าวคราวความเป็นไปในสังคมโลก และจดหมายจากเพื่อนคนอื่น ๆ อีกด้วย เพื่อนประเภทนี้ยังแบ่งย่อยออกไปได้อีกหลายประเภท ถ้าจะให้บอกว่าเพื่อนคนไหนที่น่าสนใจบ้างล่ะก็ ผู้เขียนขอแนะนำให้ไปหาเพื่อนที่ชื่อว่า "ขวัญเรือน" "กุลสตรี" "คู่สร้าง คู่สม" "ชีวจิต" "ต่วย'ตูน" "ต่วย'ตูนพิเศษ" "สารคดี" "National Geographic "



๓) เพื่อนกลุ่มที่สาม เป็นเพื่อนที่ชอบพาคุณไปท่องเที่ยวในโลกใหม่และรู้จักกับเพื่อนใหม่จำนวนมากมาย คุณจะได้เพลิดเพลินกับการเดินทางไปในดินแดนที่สุดแสนจะมหัศจรรย์ และตื่นเต้นหวาดเสียวไปกับการผจญภัยที่สุดระทึก และเพื่อนใหม่จำนวนมากก็เป็นเพื่อนที่สุดแสนจะวิเศษ พวกเขามักจะมีคุณลักษณะที่จะทำให้คุณประทับใจกับความสามารถของเขา ทั้งเรื่องของเวทมนตร์คาถาอาคม ความเป็นอัจริยะแสนจะเลอเลิศ คุณยังจะได้ดื่มด่ำกับความสุนทรีย์ทางภาษาที่เพื่อนกลุ่มนี้ใช้สื่อสารกับคุณด้วย


อย่างไรก็ตาม บางครั้งเพื่อนของเราก็จะพาคุณให้จมดิ่งไปกับด้านมืดของมนุษย์ ปัญหาของสังคม คดีที่ลึกลับซับซ้อนซ่อนเงื่อน และที่แย่ที่สุด พวกเขาก็จะทำให้คุณได้รู้จักกับสิ่งที่ลึกลับ และความสยดสยอง ที่คุณจะลืมไม่ลงไปอีกนานทีเดียว



เพื่อนกลุ่มนี้มีทั้งที่ถือสัญชาติไทย และถือสัญชาติต่างประเทศ เพื่อนหลายคนเป็นที่รู้จักกันของคนรุ่นคุณพ่อคุณแม่ เช่น เพื่อนที่ชื่อว่า "เพชรพระอุมา" เป็นต้น ในขณะที่เพื่อนบางคนก็ถือสัญชาติจีน เช่น "มังกรหยก" หรือ "ฤทธิ์มีดสั้น" เพื่อนที่คนรุ่นปัจจุบันรู้จักกันทั่วโลกก็อย่างเช่น เพื่อนชาวอังกฤษที่ชื่อว่า "Harry Potter" ส่วนเพื่อนชาวอังกฤษอีกคนที่มากความสามารถในการสืบสวนสอบคดีก็อย่างเพื่อนที่ชื่อว่า "Sherlock Holmes" เป็นต้น และยังมีเพื่อนชาวไทยที่น่ารัก ที่เธอเล่าเรื่องราวของเด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งด้วยถ้อยคำที่สั้น กระชับ เรียบง่าย แต่สามารถกระตุ้นให้เราใช้จินตนาการถึงเรื่องราวของเธอได้ไม่ยาก เพื่อนคนนั้นมีชื่อว่า "ความสุขของกะทิ"



๔) เพื่อนกลุ่มที่สี่ เป็นเพื่อนที่ชอบพาคุณไปชมภาพวาดที่แสดงเรื่องราวของบุคคลต่าง ๆ มากมาย ผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ พร้อมกับบทสนทนาของบุคคลในภาพเหล่านั้น ถ้าคุณสนใจ คุณก็จะลุ้นว่าเรื่องราวของบุคคลเหล่านั้นจะดำเนินไปเช่นไร ภาพวาดที่ออกมาจะอลังการขนาดไหน และตอนจบจะเป็นเช่นไร ซึ่งสมัยก่อนเพื่อนกลุ่มนี้เขาจะนำภาพวาดเหล่านี้มาให้คุณดูโดยไม่สนใจลิขสิทธิ์ของผู้วาดแต่อย่างใด แต่ในปัจจุบันนี้ กลุ่มผู้วาดเขาเอาจริงนะครับ คุณจึงต้องตรวจดูด้วยว่า เพื่อนของคุณได้รับลิขสิทธิ์ของการถ่ายทอดภาพวาดมาอย่างถูกต้องแล้วหรือไม่ เพื่อนกลุ่มนี้มีอยู่มากมาย หลายคนเป็นคนต่างชาติ (ส่วนใหญ่มักมีสัญชาติญี่ปุ่น หรือ อเมริกัน) สำหรับเพื่อนคนไทยในกลุ่มนี้ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง มีชื่อว่า "มหาสนุก" "ขายหัวเราะ" ฯลฯ


๕) เพื่อนกลุ่มต่อไป เป็นเพื่อนที่มีความรู้ในเรื่องต่าง ๆ ทั้งความรู้เบื้องต้น และความรู้ชั้นสูงเฉพาะทาง ซึ่งเพื่อนกลุ่มนี้จะคอยเคี่ยวเข็ญให้คุณมีความรู้เสมอ ทั้งที่คุณก็ไม่ได้อยากจะรู้ในเรื่องเหล่านั้นเท่าไรนัก ยิ่งถ้าเป็นเรื่องทางประวัติศาสตร์ หรือ คณิตศาสตร์ แล้วล่ะก็ พานจะหลับเอาดื้อ ๆ เชียวละ แต่เพื่อนที่ชื่อว่า "หนังสือเรียน" จะช่วยให้คุณมีความรู้รอบตัว และช่วยให้คุณทำการบ้านและสอบผ่านได้ จึงเป็นเพื่อนที่คอยช่วยเหลือคุณได้อย่างดีทีเดียว





๖) อ้อ ! ยังมีเพื่อนอีกคนหนึ่งเราไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญกับเขาเท่าใดนัก แต่เขาจะมาหาพวกเราทุกปี และสามารถช่วยเหลือเราได้ยามเราต้องใช้โทรศัพท์ เพื่อนคนนั้น เราเรียกเขาว่า "สมุดปกเหลือง" นั่นเอง



นอกจากนี้ก็ยังมีเพื่อนอีกหลายกลุ่มที่มีเรื่องราวต่าง ๆ กันไป เพื่อนบางคนชอบเล่าเรื่องผี เรื่องลี้ลับให้คุณฟัง เพื่อนบางกลุ่มชอบนำเสนอข่าวของดารา เพื่อนบางกลุ่มชอบทำนายทายทักดวงชะตาของผู้คน หรือของบ้านเมือง เพื่อนบางกลุ่มชอบนำเสนอเรื่องราวแปลก ๆ เพื่อนบางกลุ่มแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว หรือเพื่อนบางกลุ่มก็เป็นเพื่อนที่มีลักษณะผสมผสาน กล่าวคือ สามารถความรู้ทางวิชาการผ่านทางการเล่านิทานหรือภาพวาดได้ ฯลฯ แต่ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนกลุ่มไหนก็ล้วนแล้วแต่มีลักษณะที่เหมือนกัน คือ



พวกเขาเป็นเพื่อนของคุณในยามที่คุณว่าง ในยามที่คุณต้องการความรู้ ในยามที่คุณต้องการความช่วยเหลือ ในยามที่คุณไปสอบ ในยามที่คุณไม่มีใครคุยด้วย ในยามที่คุณเดินทาง


ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์จะทำให้ผู้คนในสังคมหันมาใช้ เขียนและอ่านบทความทางอินเตอร์เน็ตเป็นจำนวนมากก็ตาม แต่หนังสือก็ยังคงเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญที่ได้รับความนิยมจากผู้คนในสังคมเป็นอย่างมาก ร้านหนังสือยังคงขายหนังสือหลากหลายประเภท รวมถึงหนังสือที่พิมพ์ขึ้นจากบทความหรือนิทาน นวนิยาย ที่เขียนทางอินเตอร์เน็ตด้วย ดังนั้น ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ หากไม่ไปเที่ยวที่ไหน ก็ขอเชิญชวนให้มาอ่านหนังสือกันเถอะครับ



เพราะ หนังสือ คือ เพื่อนแท้ในชีวิตของคุณ






วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ความช้า

คุณเคยเจอคำพูดทำนองนี้ไหม?

"ช้า" "ช้าก่อน" มาช้าจังเลย"

แล้วคุณเป็นคนที่ทำอะไรช้าหรือเปล่า ถ้าเป็นก็ไม่เป็นไร เพราะผมผู้เขียนก็เป็นคนเชื่องช้าเหมือนกัน

ใช่แล้ว! ผมเป็นคนเชื่องช้า ทำอะไรก็ช้าไปหมด ทำงานก็ช้า มาทำงานก็ช้า (เดือนสิงหาคม ๕๓ นี้ มาทำงานสายไปตั้ง ๙ วัน) เพราะมัวแต่อาบน้ำ(ช้า) อยู่ ล้างมือก็ช้า อ่านหนังสือก็ช้า เดินก็ช้า แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้กินช้านะ



เฮ้อ! อย่างว่าแหละ เหมือนด่าตัวเองอย่างไรชอบกล แต่มันก็เป็นความจริงนี่นะ จุดอ่อนที่ผมแก้ยังไม่หายสักที ก็คงต้องแก้กันต่อไป ไหน ๆ พูดกันถึงเรื่องช้าแล้ว เรามาดูกันเรื่องของความช้ากันดีกว่า



คำว่า "ช้า" เป็นคำวิเศษณ์ (ว.) หมายถึง ค่อย ๆ เคลื่อนที่ไป ไม่เร็ว ไม่ไว และยังรวมถึง ล่า ไม่ทันเวลาที่กำหนด เช่น มาช้า เป็นต้น
http://rirs3.royin.go.th/new-search/word-8-search.asp

นอกจากความหมายนี้แล้ว คำว่า ช้า ก็ยังมีความหมายอื่นอีก ซึ่งรวมถึงในแง่ลบอีกด้วย แต่ผมจะขอกล่าวถึงเฉพาะความหมายที่กล่าวข้างต้นเท่านั้น



เมื่อดูความหมายข้างต้นแล้วก็เห็นได้ว่าคำว่า "ช้า" นั้น มีความหมายตรงข้ามกับคำว่า "เร็ว" "ไว" ถ้าเช่นนั้น ทั้งสองคำนี้มีความหมายว่าอย่างไรกันล่ะ ลองมาดูความหมายจากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิยสถาน
พ.ศ. ๒๕๔๒ (ฉบับออนไลน์) กันดีกว่า

เร็ว, เร็ว ๆ
ว. ไว เช่น กินเร็ว หายเร็ว ๆ, รีบ เช่น เร็วเข้า เร็ว ๆ หน่อย, ด่วน, ไม่ชักช้า, เช่น ขอให้มาโดยเร็ว http://rirs3.royin.go.th/new-search/word-33-search.asp


ไว, ไว ๆ
ว. ลักษณะที่เคลื่อนไหว หรือสามารถคิด หรือกระทําสิ่งใดได้ คล่องแคล่วรวดเร็วหรือฉับพลันทันที http://rirs3.royin.go.th/new-search/word-37-search.asp

ก. เคลื่อนไหว คิด หรือกระทำสิ่งใดได้
คล่องแคล่วรวดเร็วหรือฉับพลันทันที



เป็นอย่างไรบ้างครับ เข้าใจกระจ่างชัดขึ้นหรือไม่ครับ



ดูความหมายกันไปแล้ว เรามาดูคำและสำนวนเกี่ยวกับเรื่องของความช้ากันบ้างนะครับ

ในภาษาไทยมีถ้อยคำและสำนวนที่กล่าวถึงความช้า เช่น

สำนวนที่ว่า "ช้า ๆ ได้พร้าสองเล่มงาม"

หรือเนื้อเพลงท่อนหนึ่งของเพลงดอกไม้จะบานที่มีว่า "....จงบานช้า ๆ แต่ว่ายั่งยืน"
(ดู เนื้อเพลงฉบับเต็มได้ที่ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=tempting-heart&month=04-2006&date=03&group=6&gblog=16)



คราวนี้เรามาสาเหตุของความช้ากันบ้างนะครับ ความช้าอาจจะเกิดจากเหตุใดเหตุหนึ่งหรือหลายสาเหตุ ดังต่อไปนี้



๑. เกิดจากตัวเอง กล่าวคือ เป็นคนทำอะไรช้าเองโดยสภาพ ซึ่งอาจจะเกิดจากนิสัย หรือการทำงานของสมอง เช่นเป็นคนย้ำคิดย้ำทำ หรือการที่ตัวเองอยู่ในสภาวะมึนเมาหรือง่วงซึมก็ทำให้การตอบสนองหรือทำอะไรต่าง ๆ ได้ช้า อาจจะเกิดจากการจงใจทำให้ช้าด้วยก็เป็นได้ เช่น เพราะเป็นงานที่ต้องอาศัยความรอบคอบหรือความละเอียดประณีตจึงต้องทำอย่างช้า ๆ หรือเพราะไม่มีความจำเป็นต้องรีบจึงทำงานไปอย่างช้า ๆ เป็นต้น


๒. เกิดจากคนอื่น มีคนมาทำให้ช้า เช่น คอยหน่วงเหนี่ยวไว้ หรือคนอื่นขับรถช้า ทำให้เราต้องพลอยขับรถช้าไปด้วย หรือคนอื่นส่งงานให้ช้า เป็นต้น



๓. เกิดจากสิ่งอื่น เช่น สภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ เกิดฝนตกหนัก ทำให้ออกจากที่ทำงาน (บ้าน) ช้า การจราจรที่ติดขัดหรืออุบัติเหตุบนท้องถนน หรือถนนไม่ดีทำให้เดินทางได้ล่าช้า คอมพิวเตอร์ตอบสนองได้ช้าทำให้ทำงานได้ช้า ความชำรุดบกพร่องของเครื่องยนต์กลไก หรือยานพาหนะทำให้การเดินทางต้องล่าช้าออกไป เช่น รถยนต์เสีย เครื่องบินชำรุด




๔. เกิดจากการประสานงานที่ไม่ดี ทำให้การทำงานต้องล่าช้าออกไป


๕. เกิดจากกฎระเบียบและขั้นตอนการทำงาน ที่มีมากมาย การดำเนินการในเรื่องใดที่ต้องผ่านขั้นตอนต่าง ๆ หลายขั้นตอน ทำให้การดำเนินการในเรื่องนั้นล่าช้า





ฯลฯ





เอาละครับ ดูสาเหตุของความช้ากันไปแล้ว คราวนี้ก็มาดูกันว่าความช้ามันเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ อันที่จริงแล้ว ความช้ามันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียนะครับ

ความช้ามีข้อดี

ความช้ามีข้อดี เพราะความช้าทำให้เราคิดและทำอะไรด้วยความรอบคอบ ดังจะเห็นได้จากสำนวนไทยที่กล่าวว่า "ช้า ๆ ได้พร้าสองเล่มงาม" ซึ่งหมายความว่า ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ ทําแล้วจะสําเร็จผล http://rirs3.royin.go.th/new-search/word-8-search.asp




การประดิษฐ์งานศิลปะ หากค่อย ๆ ทำ ก็จะได้งานที่สวยงามวิจิตรบรรจง



การทำงานบางอย่างต้องอาศัยความรอบคอบ การทำงานอย่างช้า ๆ อาจจะช่วยให้มีเวลาคิดไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนทำ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการทำงาน

การพูดอย่างช้า ๆ ทำให้พูดได้ชัดถ้อยชัดคำ ออกเสียงคำได้อย่างถูกต้อง คนฟังก็จะเข้าใจได้ง่าย



การกินอย่างช้า ๆ เคี้ยวอาหารให้ละเอียดเป็นผลดีต่อสุขภาพร่างกาย เพราะไม่ทำให้กระเพาะทำงานหนักเกินไป และอาหารก็จะไม่ติดคอด้วย



การขับรถช้า ๆ ช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนลงได้



การดำเนินชีวิตอย่างช้า ๆ ก็จะไม่เกิดความเครียด อารมณ์แจ่มใสดี



ความช้ามีข้อเสีย





แต่ความช้าก็มีข้อเสียมากมาย



เช่น การทำงานช้า ทำให้ผู้ทำงานและบุคคลอื่นต้องได้รับความเสียหาย



หัวหน้าของคุณคงจะไม่ชอบใจแน่ถ้าคุณทำงานเสร็จช้า



ถ้าคุณรับจ้างทำงาน แล้วคุณส่งมอบงานช้า คุณอาจถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ต้องเสียค่าปรับ หรืออาจถูกริบเบี้ยประกัน เพราะคุณทำงานช้าโดยแท้



หรือถ้าคุณประกอบอาชีพส่วนตัว การทำงานช้า ย่อมทำให้คุณไม่ได้เงิน และความเจริญก้าวหน้าแน่นอน ลองคิดดูว่าถ้าพนักงานของร้านที่ชิฟฟอนแถวเทเวศน์ไม่ได้ห่อชิฟฟอนได้รวดเร็วอย่างที่ผมเคยเห็นแล้ว ลูกค้าก็คงเสียเวลารอรับขนมนานเป็นแน่แท้



และแน่นอนครับว่า การมาทำงานช้า ก็เป็นข้อเสียอย่างร้ายกาจ เช่นกัน



การมาทำงานช้าอาจจะเกิดจากการที่คุณตื่นสาย หรืออาบน้ำช้า หรือการจราจรที่ติดขัด แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุใด ความจริงก็คือ คุณมาทำงานช้า และถ้าคุณมาทำงานช้าบ่อย ๆ ก็ไม่เป็นผลดีต่อตัวคุณอย่างแน่นอน



ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินเร่งด่วน เช่น เกิดเหตุไฟไหม้ อุบัติเหตุ คนเจ็บใกล้คลอด หรือเหตุโจรกรรม วินาศกรรม ฯลฯ หากการดำเนินการของผู้ที่เกี่ยวข้องล่าช้า ผลเสียหายก็จะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น กล่าวคือ คนเจ็บก็จะเจ็บมากขึ้น หรืออาจถึงขั้นตายได้ ไฟที่ไหม้ก็จะลุกลามทำความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินมากขึ้น โจรผู้ร้ายก็จะหลบหนีไปได้ ดังนี้ เป็นต้น



ในกระบวนการยุติธรรม หากดำเนินคดีล่าช้าก็จะทำให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินคดี เช่น ผู้เสียหายก็ดี หรือผู้ถูกคุมขังอยู่ก็ดี จะต้องได้รับความเดือดร้อนจากการดำเนินคดีที่ล่าช้า ในเรื่องนี้มีคำกล่าวว่า "Justice delayed is justice denied" ซึ่งหมายถึงความยุติธรรมที่ล่าช้าก็เท่ากับไม่ยุติธรรมนั่นเอง (ดู วรรณชัย บุญบำรุง "เปรียบเทียบกระบวนพิจารณาทางปกครองตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองกับกระบวนพิจารณาคดีปกครองและกระบวนพิจารณาคดีแพ่ง" ในวารสารกฎหมายปกครอง เล่ม ๒๕ ตอน ๓ น. ๘)



หรืออย่างในเรื่องของการบริหารงานแผ่นดิน หากดำเนินการล่าช้า ก็จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบงาน และประชาชนแน่นอน เช่น หากมีการจ่ายเงินเดือนช้า ก็จะทำให้เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานได้รับความเดือดร้อนจากการที่ไม่มีรายได้มาจุนเจือครอบครัว การออกใบอนุญาตให้ช้า อาจทำให้ผู้ยื่นขออนุญาตต้องเสียโอกาสในการประกอบการของตน หรือหากมีการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ช้า ก็ ชะอุ๋ย!



เอาเป็นว่าความช้าก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียมากมายอย่างที่กล่าวมาข้างต้นนั่นแหละครับ





คราวนี้ถ้าคุณเห็นว่าความช้าไม่ก่อให้เกิดผลเสียอะไรกับคุณหรือคนอื่นรอบข้างคุณก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าคุณเห็นว่าความช้ามีผลเสียแล้วล่ะก็ คุณจะแก้ไขตัวเองอย่างไรล่ะ



ผมขอเสนอวิธีการบางประการที่อาจจะช่วยให้ทำอะไรได้เร็วขึ้นบ้างก็แล้วกัน



๑. ตั้งใจทำอะไรให้เร็วขึ้น ขอให้ตั้งจุดมุ่งหมายว่าเราจะต้องทำอะไรให้เร็วขึ้นและพยายามปรับปรุงตนเอง ก็จะทำอะไรได้เร็วขึ้น



๒. มีแรงกระตุ้นให้ทำอะไรให้เร็วขึ้น เช่น อาจจะมีรางวัล หรือโบนัส ให้สำหรับผู้ที่ทำงานเร็ว (และไม่บกพร่องด้วย) หรืออาจจะใช้แรงบีบคั้นในเรื่องของเวลาและการลงโทษมาบังคับให้ต้องทำอะไรให้เร็วขึ้นก็ได้



๓. ตื่นนอนให้เร็วขึ้น และเริ่มงานให้ไวกว่าคนอื่น เพื่อที่จะได้ทำงานเสร็จได้เร็วขึ้น


๔. วางแผนการทำงานและประสานการทำงานกับผู้อื่นให้ดี จะได้ไม่ทำงานซ้ำซ้อน และช่วยให้งานผิดพลาดน้อยลงได้


๕. เลิกย้ำคิดย้ำทำ เพราะการย้ำคิดย้ำทำทำให้ทำอะไรต่าง ๆ ช้าลงมาก เพราะต้องคอยตรวจดูหรือกระทำอะไรบางอย่างซ้ำหลายรอบ เป็นการเสียเวลาที่มีค่าไปอย่างเปล่าประโยชน์


๖. ฝึกประสาทสัมผัสให้ว่องไวอยู่เสมอ


๗. ปรับปรุงเทคโนโลยีเพื่อช่วยให้การทำงาน ทำได้ไวขึ้น


๘. พยายามอย่ากำหนดข้อบังคับหรือระเบียบที่ไม่จำเป็นลงไป และถ้าเป็นไปได้ก็ผ่อนคลายความเข้มงวดของขั้นตอนการดำเนินงานต่าง ๆ ลง จะช่วยให้การดำเนินงานต่าง ๆ ทำได้รวดเร็วขึ้น


๙. หลีกเลี่ยงอุปสรรคที่จะทำให้เกิดความช้า เช่น หลีกเลี่ยงเส้นทางที่การจราจรหนาแน่น หรือไม่ใช้งานเครื่องยนต์กลไกที่ทำงานได้ช้า แต่ใช้งานเครื่องยนต์กลไกที่ทำงานได้อย่างสะดวกรวดเร็ว เป็นต้น



ทั้งนี้ เมื่อคุณทำอะไรได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว และไม่มีความจำเป็นต้องรีบร้อนอะไรอีก คุณจะทำอะไรช้า ๆ บ้างก็ได้ นะครับ





บทความนี้ก็จะขอจบลงเพียงแค่นี้ล่ะ กว่าจะพิมพ์จบก็ใช้เวลาตั้งนาน ครับ นับเป็นบทความที่ใช้เวลาพิมพ์จนจบอย่างช้า ๆ จริง ๆ

วสุ สรรกำเนิด