วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ความช้า

คุณเคยเจอคำพูดทำนองนี้ไหม?

"ช้า" "ช้าก่อน" มาช้าจังเลย"

แล้วคุณเป็นคนที่ทำอะไรช้าหรือเปล่า ถ้าเป็นก็ไม่เป็นไร เพราะผมผู้เขียนก็เป็นคนเชื่องช้าเหมือนกัน

ใช่แล้ว! ผมเป็นคนเชื่องช้า ทำอะไรก็ช้าไปหมด ทำงานก็ช้า มาทำงานก็ช้า (เดือนสิงหาคม ๕๓ นี้ มาทำงานสายไปตั้ง ๙ วัน) เพราะมัวแต่อาบน้ำ(ช้า) อยู่ ล้างมือก็ช้า อ่านหนังสือก็ช้า เดินก็ช้า แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้กินช้านะ



เฮ้อ! อย่างว่าแหละ เหมือนด่าตัวเองอย่างไรชอบกล แต่มันก็เป็นความจริงนี่นะ จุดอ่อนที่ผมแก้ยังไม่หายสักที ก็คงต้องแก้กันต่อไป ไหน ๆ พูดกันถึงเรื่องช้าแล้ว เรามาดูกันเรื่องของความช้ากันดีกว่า



คำว่า "ช้า" เป็นคำวิเศษณ์ (ว.) หมายถึง ค่อย ๆ เคลื่อนที่ไป ไม่เร็ว ไม่ไว และยังรวมถึง ล่า ไม่ทันเวลาที่กำหนด เช่น มาช้า เป็นต้น
http://rirs3.royin.go.th/new-search/word-8-search.asp

นอกจากความหมายนี้แล้ว คำว่า ช้า ก็ยังมีความหมายอื่นอีก ซึ่งรวมถึงในแง่ลบอีกด้วย แต่ผมจะขอกล่าวถึงเฉพาะความหมายที่กล่าวข้างต้นเท่านั้น



เมื่อดูความหมายข้างต้นแล้วก็เห็นได้ว่าคำว่า "ช้า" นั้น มีความหมายตรงข้ามกับคำว่า "เร็ว" "ไว" ถ้าเช่นนั้น ทั้งสองคำนี้มีความหมายว่าอย่างไรกันล่ะ ลองมาดูความหมายจากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิยสถาน
พ.ศ. ๒๕๔๒ (ฉบับออนไลน์) กันดีกว่า

เร็ว, เร็ว ๆ
ว. ไว เช่น กินเร็ว หายเร็ว ๆ, รีบ เช่น เร็วเข้า เร็ว ๆ หน่อย, ด่วน, ไม่ชักช้า, เช่น ขอให้มาโดยเร็ว http://rirs3.royin.go.th/new-search/word-33-search.asp


ไว, ไว ๆ
ว. ลักษณะที่เคลื่อนไหว หรือสามารถคิด หรือกระทําสิ่งใดได้ คล่องแคล่วรวดเร็วหรือฉับพลันทันที http://rirs3.royin.go.th/new-search/word-37-search.asp

ก. เคลื่อนไหว คิด หรือกระทำสิ่งใดได้
คล่องแคล่วรวดเร็วหรือฉับพลันทันที



เป็นอย่างไรบ้างครับ เข้าใจกระจ่างชัดขึ้นหรือไม่ครับ



ดูความหมายกันไปแล้ว เรามาดูคำและสำนวนเกี่ยวกับเรื่องของความช้ากันบ้างนะครับ

ในภาษาไทยมีถ้อยคำและสำนวนที่กล่าวถึงความช้า เช่น

สำนวนที่ว่า "ช้า ๆ ได้พร้าสองเล่มงาม"

หรือเนื้อเพลงท่อนหนึ่งของเพลงดอกไม้จะบานที่มีว่า "....จงบานช้า ๆ แต่ว่ายั่งยืน"
(ดู เนื้อเพลงฉบับเต็มได้ที่ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=tempting-heart&month=04-2006&date=03&group=6&gblog=16)



คราวนี้เรามาสาเหตุของความช้ากันบ้างนะครับ ความช้าอาจจะเกิดจากเหตุใดเหตุหนึ่งหรือหลายสาเหตุ ดังต่อไปนี้



๑. เกิดจากตัวเอง กล่าวคือ เป็นคนทำอะไรช้าเองโดยสภาพ ซึ่งอาจจะเกิดจากนิสัย หรือการทำงานของสมอง เช่นเป็นคนย้ำคิดย้ำทำ หรือการที่ตัวเองอยู่ในสภาวะมึนเมาหรือง่วงซึมก็ทำให้การตอบสนองหรือทำอะไรต่าง ๆ ได้ช้า อาจจะเกิดจากการจงใจทำให้ช้าด้วยก็เป็นได้ เช่น เพราะเป็นงานที่ต้องอาศัยความรอบคอบหรือความละเอียดประณีตจึงต้องทำอย่างช้า ๆ หรือเพราะไม่มีความจำเป็นต้องรีบจึงทำงานไปอย่างช้า ๆ เป็นต้น


๒. เกิดจากคนอื่น มีคนมาทำให้ช้า เช่น คอยหน่วงเหนี่ยวไว้ หรือคนอื่นขับรถช้า ทำให้เราต้องพลอยขับรถช้าไปด้วย หรือคนอื่นส่งงานให้ช้า เป็นต้น



๓. เกิดจากสิ่งอื่น เช่น สภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ เกิดฝนตกหนัก ทำให้ออกจากที่ทำงาน (บ้าน) ช้า การจราจรที่ติดขัดหรืออุบัติเหตุบนท้องถนน หรือถนนไม่ดีทำให้เดินทางได้ล่าช้า คอมพิวเตอร์ตอบสนองได้ช้าทำให้ทำงานได้ช้า ความชำรุดบกพร่องของเครื่องยนต์กลไก หรือยานพาหนะทำให้การเดินทางต้องล่าช้าออกไป เช่น รถยนต์เสีย เครื่องบินชำรุด




๔. เกิดจากการประสานงานที่ไม่ดี ทำให้การทำงานต้องล่าช้าออกไป


๕. เกิดจากกฎระเบียบและขั้นตอนการทำงาน ที่มีมากมาย การดำเนินการในเรื่องใดที่ต้องผ่านขั้นตอนต่าง ๆ หลายขั้นตอน ทำให้การดำเนินการในเรื่องนั้นล่าช้า





ฯลฯ





เอาละครับ ดูสาเหตุของความช้ากันไปแล้ว คราวนี้ก็มาดูกันว่าความช้ามันเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ อันที่จริงแล้ว ความช้ามันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียนะครับ

ความช้ามีข้อดี

ความช้ามีข้อดี เพราะความช้าทำให้เราคิดและทำอะไรด้วยความรอบคอบ ดังจะเห็นได้จากสำนวนไทยที่กล่าวว่า "ช้า ๆ ได้พร้าสองเล่มงาม" ซึ่งหมายความว่า ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ ทําแล้วจะสําเร็จผล http://rirs3.royin.go.th/new-search/word-8-search.asp




การประดิษฐ์งานศิลปะ หากค่อย ๆ ทำ ก็จะได้งานที่สวยงามวิจิตรบรรจง



การทำงานบางอย่างต้องอาศัยความรอบคอบ การทำงานอย่างช้า ๆ อาจจะช่วยให้มีเวลาคิดไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนทำ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการทำงาน

การพูดอย่างช้า ๆ ทำให้พูดได้ชัดถ้อยชัดคำ ออกเสียงคำได้อย่างถูกต้อง คนฟังก็จะเข้าใจได้ง่าย



การกินอย่างช้า ๆ เคี้ยวอาหารให้ละเอียดเป็นผลดีต่อสุขภาพร่างกาย เพราะไม่ทำให้กระเพาะทำงานหนักเกินไป และอาหารก็จะไม่ติดคอด้วย



การขับรถช้า ๆ ช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนลงได้



การดำเนินชีวิตอย่างช้า ๆ ก็จะไม่เกิดความเครียด อารมณ์แจ่มใสดี



ความช้ามีข้อเสีย





แต่ความช้าก็มีข้อเสียมากมาย



เช่น การทำงานช้า ทำให้ผู้ทำงานและบุคคลอื่นต้องได้รับความเสียหาย



หัวหน้าของคุณคงจะไม่ชอบใจแน่ถ้าคุณทำงานเสร็จช้า



ถ้าคุณรับจ้างทำงาน แล้วคุณส่งมอบงานช้า คุณอาจถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ต้องเสียค่าปรับ หรืออาจถูกริบเบี้ยประกัน เพราะคุณทำงานช้าโดยแท้



หรือถ้าคุณประกอบอาชีพส่วนตัว การทำงานช้า ย่อมทำให้คุณไม่ได้เงิน และความเจริญก้าวหน้าแน่นอน ลองคิดดูว่าถ้าพนักงานของร้านที่ชิฟฟอนแถวเทเวศน์ไม่ได้ห่อชิฟฟอนได้รวดเร็วอย่างที่ผมเคยเห็นแล้ว ลูกค้าก็คงเสียเวลารอรับขนมนานเป็นแน่แท้



และแน่นอนครับว่า การมาทำงานช้า ก็เป็นข้อเสียอย่างร้ายกาจ เช่นกัน



การมาทำงานช้าอาจจะเกิดจากการที่คุณตื่นสาย หรืออาบน้ำช้า หรือการจราจรที่ติดขัด แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุใด ความจริงก็คือ คุณมาทำงานช้า และถ้าคุณมาทำงานช้าบ่อย ๆ ก็ไม่เป็นผลดีต่อตัวคุณอย่างแน่นอน



ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินเร่งด่วน เช่น เกิดเหตุไฟไหม้ อุบัติเหตุ คนเจ็บใกล้คลอด หรือเหตุโจรกรรม วินาศกรรม ฯลฯ หากการดำเนินการของผู้ที่เกี่ยวข้องล่าช้า ผลเสียหายก็จะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น กล่าวคือ คนเจ็บก็จะเจ็บมากขึ้น หรืออาจถึงขั้นตายได้ ไฟที่ไหม้ก็จะลุกลามทำความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินมากขึ้น โจรผู้ร้ายก็จะหลบหนีไปได้ ดังนี้ เป็นต้น



ในกระบวนการยุติธรรม หากดำเนินคดีล่าช้าก็จะทำให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินคดี เช่น ผู้เสียหายก็ดี หรือผู้ถูกคุมขังอยู่ก็ดี จะต้องได้รับความเดือดร้อนจากการดำเนินคดีที่ล่าช้า ในเรื่องนี้มีคำกล่าวว่า "Justice delayed is justice denied" ซึ่งหมายถึงความยุติธรรมที่ล่าช้าก็เท่ากับไม่ยุติธรรมนั่นเอง (ดู วรรณชัย บุญบำรุง "เปรียบเทียบกระบวนพิจารณาทางปกครองตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองกับกระบวนพิจารณาคดีปกครองและกระบวนพิจารณาคดีแพ่ง" ในวารสารกฎหมายปกครอง เล่ม ๒๕ ตอน ๓ น. ๘)



หรืออย่างในเรื่องของการบริหารงานแผ่นดิน หากดำเนินการล่าช้า ก็จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบงาน และประชาชนแน่นอน เช่น หากมีการจ่ายเงินเดือนช้า ก็จะทำให้เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานได้รับความเดือดร้อนจากการที่ไม่มีรายได้มาจุนเจือครอบครัว การออกใบอนุญาตให้ช้า อาจทำให้ผู้ยื่นขออนุญาตต้องเสียโอกาสในการประกอบการของตน หรือหากมีการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ช้า ก็ ชะอุ๋ย!



เอาเป็นว่าความช้าก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียมากมายอย่างที่กล่าวมาข้างต้นนั่นแหละครับ





คราวนี้ถ้าคุณเห็นว่าความช้าไม่ก่อให้เกิดผลเสียอะไรกับคุณหรือคนอื่นรอบข้างคุณก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าคุณเห็นว่าความช้ามีผลเสียแล้วล่ะก็ คุณจะแก้ไขตัวเองอย่างไรล่ะ



ผมขอเสนอวิธีการบางประการที่อาจจะช่วยให้ทำอะไรได้เร็วขึ้นบ้างก็แล้วกัน



๑. ตั้งใจทำอะไรให้เร็วขึ้น ขอให้ตั้งจุดมุ่งหมายว่าเราจะต้องทำอะไรให้เร็วขึ้นและพยายามปรับปรุงตนเอง ก็จะทำอะไรได้เร็วขึ้น



๒. มีแรงกระตุ้นให้ทำอะไรให้เร็วขึ้น เช่น อาจจะมีรางวัล หรือโบนัส ให้สำหรับผู้ที่ทำงานเร็ว (และไม่บกพร่องด้วย) หรืออาจจะใช้แรงบีบคั้นในเรื่องของเวลาและการลงโทษมาบังคับให้ต้องทำอะไรให้เร็วขึ้นก็ได้



๓. ตื่นนอนให้เร็วขึ้น และเริ่มงานให้ไวกว่าคนอื่น เพื่อที่จะได้ทำงานเสร็จได้เร็วขึ้น


๔. วางแผนการทำงานและประสานการทำงานกับผู้อื่นให้ดี จะได้ไม่ทำงานซ้ำซ้อน และช่วยให้งานผิดพลาดน้อยลงได้


๕. เลิกย้ำคิดย้ำทำ เพราะการย้ำคิดย้ำทำทำให้ทำอะไรต่าง ๆ ช้าลงมาก เพราะต้องคอยตรวจดูหรือกระทำอะไรบางอย่างซ้ำหลายรอบ เป็นการเสียเวลาที่มีค่าไปอย่างเปล่าประโยชน์


๖. ฝึกประสาทสัมผัสให้ว่องไวอยู่เสมอ


๗. ปรับปรุงเทคโนโลยีเพื่อช่วยให้การทำงาน ทำได้ไวขึ้น


๘. พยายามอย่ากำหนดข้อบังคับหรือระเบียบที่ไม่จำเป็นลงไป และถ้าเป็นไปได้ก็ผ่อนคลายความเข้มงวดของขั้นตอนการดำเนินงานต่าง ๆ ลง จะช่วยให้การดำเนินงานต่าง ๆ ทำได้รวดเร็วขึ้น


๙. หลีกเลี่ยงอุปสรรคที่จะทำให้เกิดความช้า เช่น หลีกเลี่ยงเส้นทางที่การจราจรหนาแน่น หรือไม่ใช้งานเครื่องยนต์กลไกที่ทำงานได้ช้า แต่ใช้งานเครื่องยนต์กลไกที่ทำงานได้อย่างสะดวกรวดเร็ว เป็นต้น



ทั้งนี้ เมื่อคุณทำอะไรได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว และไม่มีความจำเป็นต้องรีบร้อนอะไรอีก คุณจะทำอะไรช้า ๆ บ้างก็ได้ นะครับ





บทความนี้ก็จะขอจบลงเพียงแค่นี้ล่ะ กว่าจะพิมพ์จบก็ใช้เวลาตั้งนาน ครับ นับเป็นบทความที่ใช้เวลาพิมพ์จนจบอย่างช้า ๆ จริง ๆ

วสุ สรรกำเนิด















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น