วันพฤหัสบดีที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2554

สดุดีคุณครู

ปุจฉา: ทำไมเราเคารพครู ?


วิสัชนา: เพราะครูคือผู้หลักผู้ใหญ่ เป็นผู้มีพระคุณต่อศิษย์มากมาย ช่วยให้ศิษย์มีความก้าวหน้า ประเทศชาติพัฒนาก้าวไกล


ปุจฉา: ครูมีพระคุณต่อศิษย์อย่างไร ?


วิสัชนา: โดยการถ่ายทอดวิชาความรู้ให้ ทั้งสั่งสอนให้ศิษย์มีระเบียบวินัย เติบโตไปในภายภาคหน้า ศิษย์ผู้มีศิลปวิทยา จะสามารถดำรงตนและครอบครัวในสังคมได้ จะไม่อดตาย และจะเป็นผู้เคารพต่อกฎหมายบ้านเมือง


ปุจฉา: ทำไมจึงกล่าวว่าครูเป็นผู้ช่วยให้ศิษย์เป็นผู้เคารพกฎหมายบ้านเมือง ?


วิสัชนา: สังคมจะเจริญรุ่งเรือง ประเทศชาติประเทือง ก็ด้วยคนเคารพต่อกฎหมาย หากศิษย์ของครูคนใด ไม่เอาถ่านไซร้ กลั่นแกล้งคนอื่น ทั้งยังฝ่าฝืนระเบียบวินัยนักเรียน ครูมีสิทธิตีเฆี่ยน เพื่อให้ศิษย์นั้นหวั่นเกรง จะได้เลิกคิดเป็นนักเลง หันกลับมาเป็นคนดี การลงโทษของครูนี้ ใช่ว่าจะมี เพื่ออำนาจอำเภอใจ แต่เป็นการลงโทษตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้ เป็นการสั่งสอนให้ ศิษย์รู้จักเคารพกติกาของสังคม


ปุจฉา: แล้วอุดมการณ์ของครูนั้นสำคัญไฉน ?


วิสัชนา: มีความสำคัญยิ่งใหญ่ เพราะครูคือผู้อุทิศตน เพื่อศิษย์ทุกคน โดยไม่ย่อท้อทั้งกายและใจ แม้ถิ่นทุรกันดารใด แม้จะต้องเสี่ยงอันตรายแค่ไหน แม้ไม่ได้รับการเหลียวแลจากใคร ครูก็ยังทำหน้าที่ของครูต่อไป
ฉะนั้น ครูจึงเป็นปูชนียบุคคลทางด้านการศึกษา เป็นผู้ควรแก่การเคารพยกย่องบูชา ควรแก่การกราบไหว้ ประเทศไทยจะเจริญรุ่งเรือง ก็เพราะครู




ขอสดุดีคุณครู


วันจันทร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2554

อวยพรปีใหม่

เนื่องในโอกาสปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๕๔ (ค.ศ. ๒๐๑๑) ขออวยพรปีใหม่ให้ผู้ที่อ่านและไม่อ่าน Blog ของผู้เขียนทุกคน โดยขออวยพรดังนี้

ขอให้ทุกท่านประสบแต่ความสุข ความเจริญ โดยการที่ทุกท่านจะประสบความสุขความเจริญได้นั้น ทุกท่านจะต้องมีและทำให้มีซึ่งสิ่งต่อไปนี้



๑) ความมั่นคง - ความมั่นคงย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าความมั่งคั่ง เพราะความมั่งคั่งย่อมหมายถึงเฉพาะแต่ความกินดีอยู่ดีทางด้านการเงินเท่านั้น และความมั่งคั่งย่อมเสื่อมสูญไปได้ แต่ความมั่นคงจะช่วยให้วิถีชีวิตของเรามีความสุขมากกว่าและกว้างขวางกว่า ทั้งความมั่นคงในครอบครัว ในด้านฐานะทางการเงิน ในด้านการทำงาน ในชีวิตสมรส เป็นต้น



๒) ความพอดี - ความพอเหมาะพอดีย่อมเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข เพราะชีวิตเราจะไม่สุดโต่งไปในทางใดทางหนึ่งมากจนเกินไป และสุขภาพเราก็จะดีตามไปด้วย เราจึงควรใช้ชีวิตอย่างพอดีกล่าวคือ ทำงานให้พอดี พักผ่อนให้พอดี กินให้พอดี ออกกำลังกายให้พอดี อ่านหนังสือให้พอดี ฯลฯ



๓) ความรู้ความสามารถ - เพราะความรู้ความสามารถช่วยให้เราสามารถทำงาน และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราได้ และยังทำประโยชน์แก่ส่วนรวม ก่อให้เกิดความเจริญก้าวหน้าแก่สังคมและประเทศชาติได้อีกด้วย นับเป็นสิ่งที่ช่วยให้เกิดความเจริญโดยแท้



๔) ความขยันหมั่นเพียรและความอดทน - คนที่มีความขยันหมั่นเพียรจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จและความเจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเอง ครอบครัว และประเทศชาติ คนที่มีความขยันจะไม่อดตายอย่างแน่นอน ทั้งนี้ ความขยันจะต้องมาคู่กับความเพียรพยายาม และจะต้องมีความอดทนควบคู่กันไปด้วย เพราะในการดำเนินชีวิต และการทำงาน ใช่ว่าจะมีแต่ความราบรื่นเรียบร้อยเสมอไป ย่อมจะต้องมีอุปสรรคมาขวางกั้นเป็นธรรมดา และจะต้องเจอกับการทดสอบอันหนักหน่วงแน่นอน แต่ไม่ว่าจะเจอกับปัญหามากมายขนาดไหน หากมีความอดทนแล้ว ก็ย่อมจะผ่านพ้นไปได้ ทั้งนี้ คนที่มีความอดทนก็จะสามารถทำงานที่หนักหนาสาหัสได้ และความอดทนก็จะช่วยไม่ให้เราต้องไปทะเลาะเบาะแว้งกับผู้อื่น ด้วย ความขยันหมั่นเพียรและความอดทนจึงเป็นคุณสมบัติที่คนทำงานทุกคนพึงมี




๕) ความมีน้ำใจ - เราจะใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังคนเดียวไม่ได้ จะต้องอยู่ร่วมกันกับผู้อื่น การจะอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นได้ก็จะต้องก่อความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น ซึ่งการก่อความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นนั้น ก็ด้วยการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รู้จักให้ความช่วยเหลือผู้อื่นตามสมควรโดยไม่ขัดต่อศีลธรรม รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา พูดจากันด้วยความสุภาพอ่อนน้อม ถนอมน้ำใจ เคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน และมีน้ำใจเป็นนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย สังคมจะอยู่ได้เมื่อคนมีน้ำใจต่อกัน ปฏิบัติตามหลักสังคหวัตถุธรรมต่อกัน
(โปรดดู http://www.dhamma5minutes.com/webboard.php?id=91&wpid=0017
)


๖) ความสงบ - การใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติและความสงบย่อมจะดีกว่าการใช้ชีวิตอยู่กับแสง สี เสียง ความศิวิไลซ์ทางโลก ถึงแม้ว่าความสงบที่ผู้เขียนกล่าวถึงจะยังไม่ถึงขั้นเป็นความสงบระงับจากกิเลสทั้งปวงก็ตาม แต่ความสงบแม้เพียงชั่วครู่ก็จะช่วยให้เกิดความผ่อนคลาย ลดความกระวนกระวายใจและความเครียดไปได้มาก ดังนั้น การเข้าหาความสงบด้วยการไปหาธรรมชาติ การทำสมาธิเบื้องต้น การสวดมนต์ไหว้พระ จึงเป็นสิ่งที่สมควรกระทำ เพื่อให้เกิดความสุข และความสบายใจ คนที่มีความสุขและความสบายใจก็จะมีสุขภาพดี ชีวิตยืนยาว


๗) ความดีงาม - ท้ายสุดแล้วการดำรงชีวิตให้เกิดความสุข ความเจริญ ทั้งปวง นั้น ก็คือ การประพฤติปฏิบัติตนตามหลักศีลธรรม โดยเฉพาะศีลธรรมตามหลักพระพุทธศาสนาซึ่งจะช่วยให้เราดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข ไม่ก่อความเดือดร้อนให้กับตนเอง ไม่ก่อความเดือดร้อนให้กับสังคม ไม่ละเมิดซึ่งกฎหมายบ้านเมือง ไม่ต้องกระวนกระวายใจ ไม่ก่อเวรก่อภัยหรือสร้างศัตรูไว้ ไม่ต้องเป็นหนี้เป็นสิน ตัวเองก็มีความสุข สังคมก็สงบสุข เมื่อสังคมสงบสุข สังคมนั้นก็มีความมั่นคง มีการพัฒนา ความดีงามจึงเป็นสิ่งที่ช่วยให้ทุกคนมีความสุขและความเจริญ นั่นเอง








สวัสดีปีใหม่ครับ

วันอังคารที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2554

เรื่องเด่นแห่งปี ๒๕๕๓

ต่อไปนี้ เป็นสิ่งที่ผู้เขียนเห็นว่า เป็นเรื่องเด่นประจำปี ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา ใครเห็นต่างก็ไม่ว่ากัน



เรื่องที่ ๑. งานเด่นประจำปี ๒๕๕๓ คือ งานเล่ม ข. นับเป็นงานที่เด่นมาก เพราะกินเวลาการทำงานที่ทำให้พวกเราแทบบ้า สร้างความตึงเครียดได้เป็นอย่างดี



เรื่องที่ ๒. วาทะเด่นแห่งปี คือ "พี่มีทางเลือกอยู่สองทาง" เพราะไม่มีทางที่สามให้เลือก ฮ่า ฮ่า !



เรื่องที่ ๓. บุคลากรเด่นแห่งปี คือ คนของศูนย์ข้อมูลกฎหมายกลางทุกคน (รวมผู้เขียนด้วย เย้!) เพราะพวกเราทำงานกันเป็นทีม



เรื่องที่ ๔. หัวหน้าดีเด่นแห่งปี คือ ท่านธนาวัฒน์ สังข์ทอง ผู้ซึ่งเป็นผู้อำนวยการที่ทำงานเก่ง รู้ใจลูกน้อง มีความเป็นลูกพี่ที่ดี (มีใครกล้าโต้แย้งไหม?)



เรื่องที่ ๕. การแสดงดีเด่นแห่งปี คือ การแสดงในงานเลี้ยงปีใหม่ของศูนย์ข้อมูลกฎหมายกลาง
(แน่นอนอยู่แล้ว เราเจ๋ง เราไม่ยกตำแหน่งนี้ให้ใคร)



เรื่องที่ ๖. เรื่องน่ายินดีแห่งปี คือ การที่คนของศูนย์ข้อมูลกฎหมายกลางสอบเข้ารับราชการได้



เรื่องที่ ๗. ประสบการณ์เด่นแห่งปี คือ การจัดห้องทำงานใหม่



เรื่องที่ ๘. สุภาพสตรีดีเด่นแห่งปี คือ พี่บี

เรื่องที่ ๙. คนมีน้ำใจดีเด่นแห่งปี คือ ภูมิ กับ พี่อ๊อฟ


สุดท้าย เรื่องที่ ๑๐. ผู้ที่ติดตามผลงานที่ผู้เขียนเขียนดีเด่นแห่งปี ชื่อว่า _ชิระ ป_ก-สี