วันจันทร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2554

อวยพรปีใหม่

เนื่องในโอกาสปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๕๔ (ค.ศ. ๒๐๑๑) ขออวยพรปีใหม่ให้ผู้ที่อ่านและไม่อ่าน Blog ของผู้เขียนทุกคน โดยขออวยพรดังนี้

ขอให้ทุกท่านประสบแต่ความสุข ความเจริญ โดยการที่ทุกท่านจะประสบความสุขความเจริญได้นั้น ทุกท่านจะต้องมีและทำให้มีซึ่งสิ่งต่อไปนี้



๑) ความมั่นคง - ความมั่นคงย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าความมั่งคั่ง เพราะความมั่งคั่งย่อมหมายถึงเฉพาะแต่ความกินดีอยู่ดีทางด้านการเงินเท่านั้น และความมั่งคั่งย่อมเสื่อมสูญไปได้ แต่ความมั่นคงจะช่วยให้วิถีชีวิตของเรามีความสุขมากกว่าและกว้างขวางกว่า ทั้งความมั่นคงในครอบครัว ในด้านฐานะทางการเงิน ในด้านการทำงาน ในชีวิตสมรส เป็นต้น



๒) ความพอดี - ความพอเหมาะพอดีย่อมเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข เพราะชีวิตเราจะไม่สุดโต่งไปในทางใดทางหนึ่งมากจนเกินไป และสุขภาพเราก็จะดีตามไปด้วย เราจึงควรใช้ชีวิตอย่างพอดีกล่าวคือ ทำงานให้พอดี พักผ่อนให้พอดี กินให้พอดี ออกกำลังกายให้พอดี อ่านหนังสือให้พอดี ฯลฯ



๓) ความรู้ความสามารถ - เพราะความรู้ความสามารถช่วยให้เราสามารถทำงาน และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราได้ และยังทำประโยชน์แก่ส่วนรวม ก่อให้เกิดความเจริญก้าวหน้าแก่สังคมและประเทศชาติได้อีกด้วย นับเป็นสิ่งที่ช่วยให้เกิดความเจริญโดยแท้



๔) ความขยันหมั่นเพียรและความอดทน - คนที่มีความขยันหมั่นเพียรจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จและความเจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเอง ครอบครัว และประเทศชาติ คนที่มีความขยันจะไม่อดตายอย่างแน่นอน ทั้งนี้ ความขยันจะต้องมาคู่กับความเพียรพยายาม และจะต้องมีความอดทนควบคู่กันไปด้วย เพราะในการดำเนินชีวิต และการทำงาน ใช่ว่าจะมีแต่ความราบรื่นเรียบร้อยเสมอไป ย่อมจะต้องมีอุปสรรคมาขวางกั้นเป็นธรรมดา และจะต้องเจอกับการทดสอบอันหนักหน่วงแน่นอน แต่ไม่ว่าจะเจอกับปัญหามากมายขนาดไหน หากมีความอดทนแล้ว ก็ย่อมจะผ่านพ้นไปได้ ทั้งนี้ คนที่มีความอดทนก็จะสามารถทำงานที่หนักหนาสาหัสได้ และความอดทนก็จะช่วยไม่ให้เราต้องไปทะเลาะเบาะแว้งกับผู้อื่น ด้วย ความขยันหมั่นเพียรและความอดทนจึงเป็นคุณสมบัติที่คนทำงานทุกคนพึงมี




๕) ความมีน้ำใจ - เราจะใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังคนเดียวไม่ได้ จะต้องอยู่ร่วมกันกับผู้อื่น การจะอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นได้ก็จะต้องก่อความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น ซึ่งการก่อความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นนั้น ก็ด้วยการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รู้จักให้ความช่วยเหลือผู้อื่นตามสมควรโดยไม่ขัดต่อศีลธรรม รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา พูดจากันด้วยความสุภาพอ่อนน้อม ถนอมน้ำใจ เคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน และมีน้ำใจเป็นนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย สังคมจะอยู่ได้เมื่อคนมีน้ำใจต่อกัน ปฏิบัติตามหลักสังคหวัตถุธรรมต่อกัน
(โปรดดู http://www.dhamma5minutes.com/webboard.php?id=91&wpid=0017
)


๖) ความสงบ - การใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติและความสงบย่อมจะดีกว่าการใช้ชีวิตอยู่กับแสง สี เสียง ความศิวิไลซ์ทางโลก ถึงแม้ว่าความสงบที่ผู้เขียนกล่าวถึงจะยังไม่ถึงขั้นเป็นความสงบระงับจากกิเลสทั้งปวงก็ตาม แต่ความสงบแม้เพียงชั่วครู่ก็จะช่วยให้เกิดความผ่อนคลาย ลดความกระวนกระวายใจและความเครียดไปได้มาก ดังนั้น การเข้าหาความสงบด้วยการไปหาธรรมชาติ การทำสมาธิเบื้องต้น การสวดมนต์ไหว้พระ จึงเป็นสิ่งที่สมควรกระทำ เพื่อให้เกิดความสุข และความสบายใจ คนที่มีความสุขและความสบายใจก็จะมีสุขภาพดี ชีวิตยืนยาว


๗) ความดีงาม - ท้ายสุดแล้วการดำรงชีวิตให้เกิดความสุข ความเจริญ ทั้งปวง นั้น ก็คือ การประพฤติปฏิบัติตนตามหลักศีลธรรม โดยเฉพาะศีลธรรมตามหลักพระพุทธศาสนาซึ่งจะช่วยให้เราดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข ไม่ก่อความเดือดร้อนให้กับตนเอง ไม่ก่อความเดือดร้อนให้กับสังคม ไม่ละเมิดซึ่งกฎหมายบ้านเมือง ไม่ต้องกระวนกระวายใจ ไม่ก่อเวรก่อภัยหรือสร้างศัตรูไว้ ไม่ต้องเป็นหนี้เป็นสิน ตัวเองก็มีความสุข สังคมก็สงบสุข เมื่อสังคมสงบสุข สังคมนั้นก็มีความมั่นคง มีการพัฒนา ความดีงามจึงเป็นสิ่งที่ช่วยให้ทุกคนมีความสุขและความเจริญ นั่นเอง








สวัสดีปีใหม่ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น