ทำไมผมถึงได้คิดอย่างนี้หรือ
ตอบได้อย่างไม่ยากเย็นอะไรเลย ก็เพราะเราได้สิ่งประดิษฐ์ที่เกิดขึ้นจากเทคโนโลยีของมนุษย์มาคอยอำนวยความสะดวกให้เราน่ะสิครับ
คิดว่าผมพิมพ์ผิดหรือ
เปล่าผมไม่ได้พิมพ์ผิดไปหรอกครับ แต่ถ้าหากพิมพ์ผิด ผมก็แค่กด Back Space แล้วก็แก้ไขถ้อยคำเท่านั้นก็เรียบร้อยแล้ว
ไม่ต้องอาศัยยางลบ ไม่ต้องใช้ Liquid Paper ให้ยุ่งยาก เสียเวลา เพราะโปรแกรมคอมพิวเตอร์สมัยปัจจุบัน ได้จัดระบบสำหรับการแก้ไขถ้อยคำผิดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว นี่ถ้ายังใช้พิมพ์ดีด หรือ เขียนด้วยปากกาขนนกจุ่มหมึกซึมอยู่ ก็คงลำบากน่าดูเลย
และด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์อีกเช่นกัน ผมสามารถทำแผนภูมิ ตาราง ใส่รูปภาพ เพื่อประกอบการนำเสนอผลงาน หรือทำรายงานได้อย่างไม่ยากเย็นอะไรเลย สองสามวันก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว
หือ! คุณถามว่าอะไรนะครับ? อ้อ หากต้องทำเอกสารจำนวนมากล่ะ จะทำอย่างไร ไม่ยากครับ ไม่ยาก แค่ไปหาร้านถ่ายเอกสาร
บอกเขาว่าคุณต้องการเอกสารกี่ชุด หาเงินมาชำระราคา แล้วก็รอสักเวลาหนึ่ง เอกสารจำนวนที่คุณต้องการจะมาถึงมือของคุณเอง
หรือหากคุณใจร้อน คุณจะทำเองก็ได้นะครับ นี่ต้องขอบคุณผู้ประดิษฐ์เครื่องถ่ายเอกสาร (Photocopier) ที่ช่วยให้คุณไม่ต้องมาเสียเวลานั่งคัดลายมือ หรือพิมพ์ดีดเสียงดังต็อกแต็ก ให้เมื่อยแต่อย่างใด
ทำงานมาเหนื่อยแล้ว ได้เวลาพักกินอาหารกลางวัน หือ ไม่ได้เตรียมอาหารไว้หรือ ถ้างั้นไปซื้ออาหารสำเร็จรูปมากินก็ได้ เขามีขายทั่วไป ช่างสะดวกสบายอะไรเช่นนี้ อาหารที่ซื้อมาก็อยู่ได้นานเหลือเกิน เพราะแช่ตู้เย็นไว้แล้ว นี่เราไม่ต้องเสียเวลามาทำการถนอมอาหาร ไปตากแห้ง หรือกวน หรือแช่อิ่มแต่อย่างใดเลย แต่อย่างไรเสีย อาหารมันก็เย็น ต้องทำให้อาหารร้อนก่อนที่เราจะกินได้ แต่ทำอาหารไม่เป็นนี่สิ ทำไงดี เอ้า เตาไมโครเวฟมาช่วยให้ทุกอย่างง่ายขึ้น แค่เอาอาหารใส่เข้าเตา ตั้งเวลา ตั้งอุณหภูมิ แล้วก็กดปุ่ม มีแสงออกมาแล้ว นั่นอาหารกำลังสุกอยู่ ปิ๊ง! อา ! ได้กินอาหารแล้ว อร่อย
กินเสร็จแล้วก็กลับไปทำงานต่อ ทำต่อไป ต่อไป เอ ต้องหาข้อมูลในการทำงานเสียด้วยสิ แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปหาล่ะ คิดออกแล้ว เข้า Google สิ แค่พิมพ์คำที่ต้องการค้น นั่นไง ออกมาเพียบเลย ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปห้องสมุดให้เสียเงินค่ารถแต่อย่างใด อินเตอร์เน็ตช่วยได้ ไวเหลือเกิน
นี่แหละหนายุคไอที 3G มันก็ดีอย่างนี้แหละ
เอาละ ถึงเวลากลับบ้านแล้ว ต้องรีบกลับเสียด้วยสิ เพราะว่ามีรายการโปรดอยู่ แต่ก็กลับไปไม่ทันดูข่าวอยู่ดี ถ้าเช่นนั้น ตรวจข่าวจากทางโทรศัพท์ก็ได้ เดี๋ยวนี้โทรศัพท์มือถือดีนะ สมัยก่อนนี้ใช้โทรหาคนอื่นอย่างเดียว เดี๋ยวนี้เข้าอินเตอร์เน็ตก็ได้ จำได้ว่าครั้งหนึ่งไฟดับ หาไฟฉายไม่เจอ ก็ใช้โทรศัพท์มือถือนี่แหละ ให้แสงสว่างไปก่อน พูดถึงแสงสว่างนี่ สมัยนี้ดีนะ ไม่ต้องใช้ตะเกียง หรือเทียนไข มีไฟฟ้าให้ใช้ทุกครัวเรือนแล้ว หากไฟดับก็มีไฟฉายให้ใช้แทนไปก่อนได้
เอาละ ข่าวในวันนี้ มีเรื่องที่น่าสนใจทีเดียว นักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นสามารถสร้างหุ่นยนต์ที่มีรูปร่างหน้าตาและความรู้สึกคล้ายมนุษย์ได้ และยังมีการพัฒนาหุ่นยนต์ให้สามารถทำงานต่าง ๆ ได้อีกด้วย เดี๋ยวนี้ทำได้ขนาดนี้แล้วหรือนี่ เทคโนโลยีปัจจุบันก้าวหน้าเหลือเกิน อีกไม่นานเราจะได้มีหุ่นยนต์เป็นผู้ทำงานต่าง ๆ แทนมนุษย์ สบายไปเลย เอ้า ดูข่าวต่อไปซิ เป็นเรื่องของสงครามกลางเมืองในประเทศ L โดยฝ่ายต่อต้านรัฐบาลได้รับการสนับสนุนกำลังจากประเทศ A ประเทศ E ประเทศ F แล้วแบบนี้ฝ่ายรัฐบาลของประเทศ L จะสู้ได้หรือ ในเมื่ออีกฝ่ายมีอาวุธที่ทันสมัยกว่า ตามประวัติศาสตร์การสงครามแล้ว กองทัพของฝ่ายที่มีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่ามักจะเป็นฝ่ายชนะสงคราม ดูอย่างตอนที่ประเทศ A ส่งกำลังทหารไปรุกรานประเทศ I สิ ประเทศ A มีอาวุธที่ทันสมัยกว่า ก็ย่อมชนะเป็นธรรมดา นี่ก็เป็นผลมาจากเทคโนโลยีเช่นกัน ต่อไปก็เป็นข่าวในด้านการแพทย์ที่จะมีการใช้สเต็มเซลล์ (Stem Cell) ในการรักษาโรคต่าง ๆ นี่ก็ต้องขอบคุณเทคโนโลยีอีกเช่นกันที่ช่วยยืดชีวิตของคนไข้ออกไปได้
ตรวจดูข่าวเสร็จแล้ว นี่ยังกลับไม่ถึงบ้านเลย การจราจรของกทม.นี่ติดขัดเหลือเกิน ถ้ารถไฟฟ้าใต้บินผ่านที่ทำงานและที่บ้านล่ะก็ จะนั่งรถไฟใต้ดินทั้งขาไปและขากลับเลย กวาดตามองไปรอบ ๆ เห็นคนที่นั่งอยู่เก้าอี้ตัวหน้ากำลังนั่งเล่นเกมส์กดอยู่ ส่วนอีกคนใช้ Tablet นี่ก็เป็นผลมาจากเทคโนโลยีเหมือนกันที่ช่วยไม่ให้คนต้องเบื่อหน่ายจากการจราจรอันแสนไม่ได้เรื่อง
เอาละ กลับมาถึงบ้านเสียที ทีนี้ก็รีบกินข้าว อาบน้ำแล้ว ดูโทรทัศน์ซะหน่อย มีสารคดีเรื่องการท่องเที่ยวด้วย ประเทศนี้น่าไปเที่ยวนะ ถ้ามีโอกาสก็จะไปเที่ยว ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินทองอยู่แล้ว และถึงแม้ว่าประเทศนั้นจะอยู่ไกลถึงทวีปอื่น แต่ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการบินก็ช่วยย่นระยะทางให้สั้นลง สามารถเดินทางไปถึงได้ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน แจ๋วไหมล่ะ เอาละได้เวลาเข้านอนแล้ว วันนี้ร้อนจัง เปิดเครื่องปรับอากาศดีกว่า นี่เป็นสิ่งประดิษฐ์จากเทคโนโลยีที่ช่วยให้เราไม่ต้องร้อนมาก
พอถึงตอนเช้า ก็ตื่นนอนขึ้นมาได้ด้วยนาฬิกาปลุก ถ้าไม่ได้นาฬิกาปลุกก็คงไปทำงานสาย ไปแปรงฟันแล้วอาบน้ำ ตอนเช้าอากาศหนาวแฮะ เปิดเครื่องทำน้ำร้อนหน่อยดีกว่า ทั้งนาฬิกาปลุก และเครื่องทำน้ำร้อนก็เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ช่วยให้ชีวิตประจำวันสะดวกสบายขึ้น ดีไหมล่ะ เทคโนโลยีน่ะ
ผมคงจะคิดว่าโลกที่มีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าย่อมดีกว่าโลกที่มีวิถีชีวิตแบบโบราณเป็นแน่ จนกระทั่งวันหนึ่งความคิดของผมก็เปลี่ยนไป
เรื่องมีอยู่ว่าวันนั้น ผมตื่นสาย เพราะนาฬิกาปลุกเสียขึ้นมา เลยส่งผลให้ผมไปทำงานสายเช่นกัน แต่ผมก็ยังพยายามทำงานอยู่ แต่แล้วเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ผมทำงานก็มีปัญหา เสียเวลาตามช่างมาซ่อมอีก ในวันนั้น ผมทำงานไม่ค่อยได้มากเท่าไรนัก (อันที่จริงก็ไม่ค่อยทำงานอยู่แล้ว) การค้นหาข้อมูลก็ต้องใช้ระบบกระดาษแทน ทำให้เสียเวลา แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร เรื่องมันเริ่มขึ้นในตอนเย็นต่างหาก ในขณะที่กำลังนั่งรถสาย ๕๒๔ กลับบ้านนั้น ผมก็ตรวจข่าวจากทางอินเตอร์เน็ตไปด้วย ข่าววันนี้มีแต่เรื่องที่ไม่ดี ผู้หญิงถูกลวงไปกระทำชำเรา เนื้อหาข่าวบอกว่า ฝ่ายหญิงติดต่อกับคนร้ายเป็นประจำทางอินเตอร์เน็ต (โดยไม่รู้ตัวว่าอีกฝ่ายเป็นคนร้าย) ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน พอรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ไปพบเจอกับคนร้ายตรงที่เกิดเหตุแล้ว อีกข่าวเป็นเรื่องของการที่ดาราถูกนำภาพลงมาตัดต่อโดยใช้เทคนิคคอมพิวเตอร์กราฟฟิค ข่าวการใช้กล้องวิดีโอแอบถ่ายภาพใต้กระโปรงผู้หญิง ข่าวคนอาบน้ำถูกไฟฟ้าจากเครื่องทำน้ำอุ่นดูดจนตาย มาดูข่าวต่างประเทศกันบ้าง มีเรื่องข้อมูลทางด้านความมั่นคงของประเทศญี่ปุ่นถูกจารกรรมจากระบบคอมพิวเตอร์ ข่าวเครื่องบินตกที่ประเทศ X ข่าวผลกระทบจากการใช้พืช GMO ข่าวงานวิจัยเกี่ยวกับรังสีที่เป็นอันตรายของเตาไมโครเวฟ ฯลฯ
พอกลับถึงบ้านแล้ว จัดการปิดประตูเรียบร้อยแล้ว ขอกินข้าวก่อนก็แล้วกัน ปรากฏว่า เตาไมโครเวฟเสีย อุ่นอาหารกินไม่ได้ ต้องกินทั้งที่ยังเย็น ๆ อยู่นั่นแหละ พออาบน้ำเสร็จ ก็เข้านอนเลย ตื่นมาอีกที ตอนตีสอง เอ! ทำไมถึงได้ร้อนอย่างนี้นะ ปรากฏว่า ไฟดับ มิน่าล่ะ เหงื่อออกโชกเลย เปิดไฟฉายก่อนดีกว่า ให้ตายเถอะ! ถ่านหมดอีก ต้องออกจากห้องไปทั้งที่มืด ๆ อยู่นี่ล่ะ เฮ้อ! ไม่ได้เตรียมเทียนไขไว้สำหรับกรณีนี้เสียด้วยสิ คงต้องรออีกสี่ชั่วโมง กว่าจะเช้า ในระหว่างนี้ พยายามนอนหลับดีกว่า แต่ไม่นานผมก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงประกาศเตือนภัยดังลั่น
ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ขณะนี้ ฝูงบินรบและกองกำลังของข้าศึกกำลังบุกโจมตีกรุงเทพฯ อย่างหนักขอให้อพยพด่วน ย้ำ ขอให้อพยพด่วน! ศัตรูใช้อาวุธที่ร้ายแรงมีอานุภาพทำลายล้างสูง
นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย! เรามีสงครามกันตั้งแต่เมื่อไร ต้องรีบตรวจดูข่าวแล้ว แต่ไฟดับนี่หว่า งั้นโทรศัพท์ถามใครก็ได้ แต่ว่าโทรศัพท์มือถือก็ไม่มีสัญญาณซะอีก อินเตอร์เน็ตก็ใช้ไม่ได้อีก เวรแล้ว! ทำไงดี งั้นต้องรีบออกจากบ้านแล้ว ได้ยินเสียงระเบิดและเสียงคนหวีดร้องระงมไปทั่ว ทำไงดี ออกไปข้างนอกก็พบซากปรักหักพังของตึกรามบ้านช่องที่ถูกระเบิดใส่ แล้วก็นั่น เครื่องบินรบของฝ่ายข้าศึก ทิ้งระเบิดลงมาใส่ตึกแล้ว เป็นระเบิดเพียงลูกเดียวที่เห็น แต่ก็ทำให้เกิดแสงสว่างวาบแล้วหลังจากนั้น ผมก็กระเด็นออกไป แต่โชคดีที่ผมไม่ได้รับบาดเจ็บหนักอะไรนัก และก็ไม่ได้สลบด้วย เพราะอย่างนั้น ผมถึงได้เห็นบ้านเรือนและตึกอันสูงใหญ่ไม่เหลือแม้แต่เศษซากเลย เทคโนโลยีช่วยทำให้อาวุธมีอานุภาพทำลายล้างแรงสูง ถ้าเป็นในอดีตที่รบกันด้วยหอกดาบคงไม่เสียหายมากขนาดนี้เป็นแน่ อูย เจ็บจริงแฮะ ผมพยายามจะยันตัวลุกขึ้น ซึ่งก็ต้องใช้เวลานานพอสมควร แต่ก็ยังดีที่ลุกขึ้นมาได้ ทำไงต่อดี ทำไงต่อดี เอ๊ะ! นั่น ทหารหรือเปล่า โชคช่วยแล้ว ผมร้องขอความช่วยเหลือ แล้วพวกเขาก็เข้ามาหาผม เมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้ ผมก็รู้ว่าไม่ควรเรียกร้องความสนใจเลย พวกเขาที่อยู่ในชุดทหาร ไม่ใช่ทหารฝ่ายเรา อันที่จริง พวกเขาไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นหุ่นยนต์ที่รูปร่างคล้ายมนุษย์ นี่เจ้าพวกข้าศึกของเรามีเทคโนโลยีขั้นสูงอยู่หรือนี่ พวกเขาสามารถสร้างกองทัพหุ่นยนต์ออกมาใช้ทำสงครามแทนทหารของพวกเขาได้ ดูไปเจ้าพวกหุ่นยนต์นี่ท่าทางทรงพลังมาก ให้ตายเถอะ นี่ไม่น่าจะเป็นความจริงเลย แต่เทคโนโลยีก็ทำให้มันเป็นไปได้แล้ว เจ้าพวกหุ่นสังหารแบบในหนังเรื่อง The Terminator (๑) หรืออย่างในหนังเรื่อง I, Robot (๒) ได้กลายเป็นความจริงเสียแล้ว แล้วผมจะทำอย่างไรดี แต่ใจเย็น ๆ ไว้ก่อน พวกนี้อาจจะไม่ทำร้ายผมหรอกก็เพราะผมไม่ใช่ทหารนี่ และหุ่นยนต์จะต้องไม่ทำร้ายมนุษย์ นั่นเป็นกฎข้อแรกของหุ่นยนต์เลยนะ (๓) แต่คิดอีกที นี่มันหุ่นยนต์ทหารนะ ต้องถูกออกแบบโปรแกรมมาเพื่อการทำลายล้างอยู่แล้ว ถ้างั้นเอาไงดี เอาไงดี ผมลนลาน แว้ก ! พวกมันยื่นมือมาแล้ว อย่านะ! โครม!
อูย! ผมเจ็บเหลือเกิน อ้าว! นี่ผมฝันไปหรอกหรือ บ้านเมืองเราไม่ได้ถูกโจมตีจากข้าศึก หรือกองทัพหุ่นยนต์ที่ไหนหรอก เฮ้อ! ค่อยยังชั่วหน่อย แต่ไฟดับนั้นเป็นเรื่องจริง และผมก็ยังไม่ซ่อมนาฬิกาปลุกด้วย ไม่มีเวลาแล้ว รีบไปอาบน้ำ แปรงฟันแล้ว ไปทำงานดีกว่า
ระหว่างที่นั่งรถประจำทางมาที่ทำงาน ผมก็นึกทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวานจนถึงฝันของเมื่อคืนนี้
ผมคิดว่า เทคโนโลยีนั้นเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นต่อการดำเนินชีวิตของคนเรา
โลกในทุกวันนี้มีความเจริญก้าวหน้าได้ก็เพราะเทคโนโลยี
คนเราใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบายก็เพราะเทคโนโลยี
คนเรามีอายุยืนยาวขึ้นก็เพราะเทคโนโลยี
คนเรามีความรู้มากขึ้นก็เพราะเทคโนโลยี
เราสามารถใช้เทคโนโลยีในการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล
เราสามารถใช้เทคโนโลยีในกระบวนการยุติธรรม (เช่นในเรื่องการตรวจ DNA เป็นต้น)
เราสามารถใช้เทคโนโลยีช่วยในการทำงาน
ฯลฯ
แต่ เมื่อเทคโนโลยีมีคุณอนันต์ เทคโนโลยีก็มีโทษมหันต์เช่นกัน
เทคโนโลยีทำให้เรามีความเป็นส่วนตัวน้อยลง
เทคโนโลยีทำให้เกิดมลภาวะที่ร้ายแรงได้
เทคโนโลยีทำให้สุขภาพเสียหาย
และถ้าเทคโนโลยีตกไปอยู่ในมือของคนชั่วล่ะก็
ก็จะมีการใช้เทคโนโลยีในการก่ออาชญากรรม
จะมีการใช้เทคโนโลยีในการจารกรรมข้อมูลที่สำคัญ
จะมีการใช้เทคโนโลยีไปโดยไม่คำนึงถึงศีลธรรม
จะมีการใช้เทคโนโลยีเพื่อการยั่วยุ หรือ การปลุกระดมได้
จะมีการใช้เทคโนโลยีในการทำลายล้าง สร้างอาวุธสงคราม
ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก
อนึ่ง เมื่อคนเราพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไปก็จะก่อให้เกิดผลเสียเช่นกัน ลองติดตามข่าวที่คนเล่นเกมส์ติดต่อกันเป็นเวลานานจนตายดูก็ได้ครับ นั่นก็เป็นผลเสียจากการติดเทคโนโลยีอย่างหนึ่งเหมือนกัน
นอกจากนี้ ลองคิดดูว่า ถ้าคนเราพึ่งพาแต่เทคโนโลยีมาก ๆ แล้ว ซักวันเกิดเทคโนโลยีเหล่านั้นเกิดใช้การไม่ได้ขึ้นมาจะทำอย่างไร
เช่นใช้คอมพิวเตอร์เป็น แล้วเกิดไฟดับขึ้นมา ใช้คอมพิวเตอร์ไม่ได้ ต้องหันไปใช้วิธีเขียนด้วยมือ หรือพิมพ์ก็ทำไม่เป็น หรือไฟดับ แล้วไม่ได้เตรียมเทียนไขไว้ อย่างที่กล่าวมาข้างต้น
หรือถ้าเกิดน้ำมันเกิดหมดโลกขึ้นมา แล้วหาพลังงานอย่างอื่นมาชดเชยไม่ได้ ก็คงไม่มีเชื้อเพลิงสำหรับยานพาหนะต่าง ๆ ซึ่งก็หมายความว่าจะต้องกลับไปใช้ยานพาหนะสมัยก่อน ใช้ช้าง ม้า เกวียน เรือใบ ในการเดินทาง แล้วจะรู้วิธีใช้ยานพาหนะเหล่านั้นหรือไม่ แล้วคนในสมัยปัจจุบันจะมีความอดทนพอที่จะเดินทางโดยใช้ยานพาหนะสมัยโบราณในการเดินทางได้หรือเปล่า ถ้าหลงทางไปไม่มีเครื่อง GPS แล้วจะสามารถหาทางเอาตัวรอดได้ไหม จะหาทิศทางโดยอาศัยดวงดาวได้หรือไม่ จะสามารถทำอาหารโดยไม่ใช้เตาไมโครเวฟได้หรือไม่ ฯลฯ
เทคโนโลยีบางอย่าง เช่น เรื่องการโคลนนิ่งมนุษย์ และพืชดัดแปลงพันธุกรรม ก็ยังมีปัญหาในเรื่องของสิ่งแวดล้อมและเรื่องของศีลธรรมด้วย
ผมจึงคิดได้ว่า ทางที่ดี จะต้องสอนให้คนเราเรียนรู้และใช้เทคโนโลยีได้อย่างดี แต่ในขณะเดียวกันจะต้องสอนให้สามารถเอาตัวรอดโดยไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีได้ด้วยเช่นกัน และนอกจากนี้จะต้องมีมาตรการทั้งทางกฎหมาย และทางสังคมต่อการใช้เทคโนโลยีให้อยู่ในกรอบของศีลธรรมและความพอดีด้วยเช่นกัน
เห็นด้วยกับผมไหมครับ
ส่งท้าย
และแล้วผมก็มาถึงที่ทำงาน ผมรูดบัตรกับเครื่องรูดบัตร และขึ้นไปทำงานโดยเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ดูเหมือนว่า ไม่ว่าจะอย่างไร ผมและพวกเราทุกคนก็ต้องเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีอยู่ดี
จบ
(๑) โปรดดูข้อมูลภาพยนตร์เรื่องนี้ได้จาก http://en.wikipedia.org/wiki/The_Terminator
(๒) โปรดดูข้อมูลภาพยนตร์เรื่องนี้ได้จาก http://en.wikipedia.org/wiki/I,_Robot_(film)
(๓) สามารถอ่านเรื่องกฎสามข้อของหุ่นยนต์ได้จากhttp://en.wikipedia.org/wiki/Three_Laws_of_Robotics
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น