...ระบอบประชาธิปไตยจะมั่นคงอยู่ได้ต้องประกอบด้วยกฎหมาย ศีลธรรม และความซื่อสัตย์สุจริต หรือในครั้งโบราณกาลเรียกว่าการปกครองโดยสามัคคีธรรม การใช้สิทธิโดยไม่มีขอบเขตภายใต้กฎหมายหรือศีลธรรมหรือใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ไม่ใช่หลักของประชาธิปไตย...
บางตอนจาก สุนทรพจน์ของนายปรีดี พนมยงค์ (ย่อหน้าที่สอง
บรรทัดที่ ๗ - ๙)
แสดงในสภาผู้แทนราษฎร วันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๔๘๙
เอกสารทางราชการของกรมโฆษณาการ ๘ พฤษภาคม ๒๔๘๙(๑)
เป็นที่ยอมรับกันในปัจจุบันว่า การปกครองในระบอบประชาธิปไตย คือ การปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน
การปกครองในระบอบนี้ เป็นการปกครองที่จำกัดการใช้อำนาจของฝ่ายบริหารปกครองประเทศ โดยการแยกอำนาจอธิปไตยออกเป็น ๓ ฝ่าย จำกัดระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของฝ่ายรัฐบาล สร้างระบบในการควบคุมตรวจสอบการทำงานของแต่ละฝ่ายและในขณะเดียวกันก็รับรองสิทธิเสรีภาพแก่ประชาชนมากกว่าการปกครองในระบอบอื่น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการให้เสรีภาพแก่ประชาชนอย่างกว้างขวาง แต่การปกครองในระบอบประชาธิปไตยนี้ก็มิได้ให้ประชาชนมีเสรีภาพโดยไม่มีขอบเขตเอาเสียเลย การจำกัดสิทธิเสรีภาพเพื่อป้องกันการกระทำตามอำเภอใจนั้น ยังคงมีอยู่ โดยปรากฏอยู่ในรูปของกฎหมายประการหนึ่ง และปรากฏอยู่ในรูปของศีลธรรมอีกประการหนึ่ง
สังคมประชาธิปไตยต้องมีกฎหมาย
มีภาษิตกฎหมายที่บอกว่า "ที่ใดมีสังคม ที่นั่นมีกฎหมาย" (Ubi Societas Ibi Jus)(๒) ทั้งนี้ เพราะว่ากฎหมายนั้น เป็นกติกาสำหรับควบคุมพฤติกรรมของบุคคลในสังคมไม่ให้ล่วงละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น หากสังคมใดไม่มีกติกาสำหรับการอยู่ร่วมกัน สังคมนั้นก็จะเต็มไปด้วยบุคคลซึ่งมีการกระทำที่เอาแต่ได้โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของบุคคลอื่น และเต็มไปด้วยความประพฤติที่ไม่มีหลักเกณฑ์ที่แน่นอน ซึ่งจะค่อย ๆ กัดกร่อนสังคมจนทำให้สังคมนั้นถึงคราวล่มสลายลงในที่สุด กฎหมายจึงมีความจำเป็นสำหรับสังคมทุกสังคม ยิ่งในสังคมประชาธิปไตยด้วยแล้ว ยิ่งจำเป็นต้องมีกฎหมาย เพราะถือการปกครองโดยหลักนิติรัฐ (Rechtsstaat) และนิติธรรม (Rule of Law) ไม่ใช่ถือหลักการกระทำตามอำเภอใจ
แต่ทั้งนี้ กฎหมายที่จะเหมาะสมกับสังคมประชาธิปไตยนั้นก็จะต้องผ่านกระบวนการตรากฎหมายอย่างถูกต้องตามขั้นตอนตามกฎหมาย ไม่มีเนื้อหาที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญอันถือเป็นกฎหมายสูงสุด และจะต้องเป็นกฎหมายที่มีความเป็นธรรมด้วย
และเมื่อมีกฎหมายที่มีความเหมาะสมกับสังคมประชาธิปไตยแล้ว ผู้คนในสังคมนั้นทั้งประชาชนก็ดี หรือผู้บริหารบ้านเมืองก็ดี ก็มีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว เพื่อความสงบเรียบร้อยในสังคม
แต่ทั้งนี้ กฎหมายที่จะเหมาะสมกับสังคมประชาธิปไตยนั้นก็จะต้องผ่านกระบวนการตรากฎหมายอย่างถูกต้องตามขั้นตอนตามกฎหมาย ไม่มีเนื้อหาที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญอันถือเป็นกฎหมายสูงสุด และจะต้องเป็นกฎหมายที่มีความเป็นธรรมด้วย
และเมื่อมีกฎหมายที่มีความเหมาะสมกับสังคมประชาธิปไตยแล้ว ผู้คนในสังคมนั้นทั้งประชาชนก็ดี หรือผู้บริหารบ้านเมืองก็ดี ก็มีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว เพื่อความสงบเรียบร้อยในสังคม
สังคมประชาธิปไตยต้องมีศีลธรรม
เนื่องจากหลักในทางศีลธรรมนั้นเป็นหลักปฏิบัติสำหรับการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขในสังคมคล้ายกับกฎหมาย และยังเป็นที่มาของกฎหมายประการหนึ่งด้วย(๓) สังคมที่ผู้คนปฏิบัติตามหลักศีลธรรมย่อมเป็นสังคมที่สงบสุข เพราะทุกคนจะไม่ล่วงละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น ไม่ก่อความวุ่นวายให้กับสังคม
ไม่ทำการทุจริตคดโกง ฉ้อราษฎร์บังหลวง ไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา ไม่ใส่ร้ายป้ายสีกัน ไม่เพิกเฉยในความทุกข์ของบุคคลอื่น ไม่เลือกคนพาลมาเป็นผู้บริหารประเทศ และมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม การนำหลักเกณฑ์ในทางศีลธรรม โดยเฉพาะศีลธรรมในทางพระพุทธศาสนา เช่น เบญจศีล เบญจธรรม กุศลกรรมบท สังคหวัตถุธรรม ฆราวาสธรรม มาบังคับใช้ในสังคมประชาธิปไตยย่อมเป็นการช่วยให้สังคมประชาธิปไตยมีความผาสุกร่มเย็นด้วยเหตุผลดังกล่าวมาข้างต้น ดังนั้น แนวคิดที่ให้แยกหลักศีลธรรมหรือศาสนาออกจากการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยก็ดี แนวคิดในการลดหรือไม่ให้ความสำคัญกับหลักศีลธรรมและศาสนาโดยอ้างว่าเป็นการขัดต่อหลักเสรีภาพและหลักประชาธิปไตยก็ดี จึงเป็นแนวคิดที่แปลกประหลาด
ไม่ทำการทุจริตคดโกง ฉ้อราษฎร์บังหลวง ไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา ไม่ใส่ร้ายป้ายสีกัน ไม่เพิกเฉยในความทุกข์ของบุคคลอื่น ไม่เลือกคนพาลมาเป็นผู้บริหารประเทศ และมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม การนำหลักเกณฑ์ในทางศีลธรรม โดยเฉพาะศีลธรรมในทางพระพุทธศาสนา เช่น เบญจศีล เบญจธรรม กุศลกรรมบท สังคหวัตถุธรรม ฆราวาสธรรม มาบังคับใช้ในสังคมประชาธิปไตยย่อมเป็นการช่วยให้สังคมประชาธิปไตยมีความผาสุกร่มเย็นด้วยเหตุผลดังกล่าวมาข้างต้น ดังนั้น แนวคิดที่ให้แยกหลักศีลธรรมหรือศาสนาออกจากการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยก็ดี แนวคิดในการลดหรือไม่ให้ความสำคัญกับหลักศีลธรรมและศาสนาโดยอ้างว่าเป็นการขัดต่อหลักเสรีภาพและหลักประชาธิปไตยก็ดี จึงเป็นแนวคิดที่แปลกประหลาด
การใช้สิทธิโดยไม่มีขอบเขตหรือใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ไม่ใช่หลักของประชาธิปไตย
ทั้งนี้ เพราะสิทธินั้นเป็นประโยชน์ที่บุคคลมีความชอบธรรมที่จะได้รับซึ่งกฎหมายรับรองให้(๔) กล่าวคือ สิทธินั้นจะต้องเป็นความชอบธรรม เป็นความถูกต้อง ถ้าหากการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิในสิ่งที่กฎหมายไม่ได้รับรองก็ดี หรือใช้สิทธิโดยวิธีการที่ไม่ชอบธรรมแล้ว (อันอาจถือว่าไม่มีสิทธิ)(๕) การกระทำดังกล่าวย่อมจะก่อให้เกิดผลเสียหายต่อส่วนรวมเป็นอย่างมาก ตัวอย่างเช่น กลุ่มบุคคลที่ใช้สิทธิในการชุมนุมประท้วงโดยไม่สนใจวิธีการ สถานที่ หรือระยะเวลา ทำการปิดถนนประท้วงตลอดเวลา ใช้เครื่องขยายเสียงปราศัยด้วยถ้อยคำหยาบคายอยู่ตลอดเวลา ย่อมทำให้บุคคลอื่นที่ไม่ได้เข้าร่วมประท้วงได้รับความเดือดร้อน เป็นการใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย เป็นต้น ซึ่งการใช้สิทธิโดยไม่มีขอบเขตหรือการใช้โดยไม่สุจริตนี้ย่อมไม่ส่งเสริมให้ประชาชนมีความรับผิดชอบต่อสังคม หรือเคารพในสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น และเป็นการสร้างภาระให้กับสังคม ซึ่งขัดกับหลักการและแนวคิดในระบอบประชาธิปไตยซึ่งถือเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นเป้าหมายหลัก
สรุป
ในสังคมประชาธิปไตยนั้นประชาชนจักต้องมีสิทธิและเสรีภาพ แต่สิทธิและเสรีภาพดังกล่าวก็จักต้องมีขอบเขตโดยอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ของกฎหมายที่ตราขึ้นโดยถูกต้องตามระบบของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยและมีความเป็นธรรม และต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ของศีลธรรมด้วย หากสังคมใดที่มีแต่บุคคลที่ใช้สิทธิและเรียกร้องหาแต่เสรีภาพโดยไม่ยอมปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว ย่อมเป็นการขัดต่อหลักการของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่ถือว่าบุคคลทุกคนมีความเสมอภาคกันในสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย(๖) ดังนั้น ประชาชนในสังคมประชาธิปไตยจึงต้องเคารพและปฏิบัติตามกฎหมายและหลักของศีลธรรมอันดี เพื่อให้สังคมมีความสงบสุขร่มเย็นและก้าวหน้านั่นเอง
อ้างอิง
(๑) http://www.pridiinstitute.com/autopage/show_page.php?h=11&s_id=12&d_id=12
(๒) สมยศ เชื้อไทย,ผศ. คำอธิบายวิชากฎหมายแพ่ง : หลักทั่วไป เล่ม ๑. พิมพ์ครั้งที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๔๓ บทที่ ๑ ,หน้า ๓๓.
(๓) เพิ่งอ้าง บทที่ ๑ ส่วนที่ ๒ จากศีลธรรมไปสู่กฎหมาย หน้า ๔๑ - ๔๔.
(๔) อ้างแล้ว (๒) บทที่ ๖ ส่วนที่ ๑ ความหมายของสิทธิ หน้าที่และคำอื่น ๆ ที่คล้ายคลึง หน้า ๑๒๑.
(๕) โปรดดูมาตรา ๔๒๑ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
สรุป
ในสังคมประชาธิปไตยนั้นประชาชนจักต้องมีสิทธิและเสรีภาพ แต่สิทธิและเสรีภาพดังกล่าวก็จักต้องมีขอบเขตโดยอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ของกฎหมายที่ตราขึ้นโดยถูกต้องตามระบบของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยและมีความเป็นธรรม และต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ของศีลธรรมด้วย หากสังคมใดที่มีแต่บุคคลที่ใช้สิทธิและเรียกร้องหาแต่เสรีภาพโดยไม่ยอมปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว ย่อมเป็นการขัดต่อหลักการของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่ถือว่าบุคคลทุกคนมีความเสมอภาคกันในสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย(๖) ดังนั้น ประชาชนในสังคมประชาธิปไตยจึงต้องเคารพและปฏิบัติตามกฎหมายและหลักของศีลธรรมอันดี เพื่อให้สังคมมีความสงบสุขร่มเย็นและก้าวหน้านั่นเอง
อ้างอิง
(๑) http://www.pridiinstitute.com/autopage/show_page.php?h=11&s_id=12&d_id=12
(๒) สมยศ เชื้อไทย,ผศ. คำอธิบายวิชากฎหมายแพ่ง : หลักทั่วไป เล่ม ๑. พิมพ์ครั้งที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๔๓ บทที่ ๑ ,หน้า ๓๓.
(๓) เพิ่งอ้าง บทที่ ๑ ส่วนที่ ๒ จากศีลธรรมไปสู่กฎหมาย หน้า ๔๑ - ๔๔.
(๔) อ้างแล้ว (๒) บทที่ ๖ ส่วนที่ ๑ ความหมายของสิทธิ หน้าที่และคำอื่น ๆ ที่คล้ายคลึง หน้า ๑๒๑.
(๕) โปรดดูมาตรา ๔๒๑ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(๖) มาตรา ๓๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น