ท่านผู้อ่านทั้งหลาย ท่านเคยคิดบ้างไหมว่า คนเพียงคนเดียวจะทำให้เกิดสงครามได้หรือไม่ ?
แล้ว คนเพียงคนเดียวจะหยุดยั้งสงครามได้หรือเปล่า ?
แล้วท่านคิดว่าคนที่มาจากชนชาติเล็ก ๆ อย่าง ไทย ศรีลังกา จะมีบทบาทในการหยุดยั้งสงครามที่เหล่าชาติมหาอำนาจทั้งหลายก่อขึ้นได้หรือไม่ ?
เราลองมาติดตามเรื่องราวของคนไทยและคนศรีลังกาที่ได้ออกผจญภัยไปในห้วงอวกาศอันไกลโพ้นเพื่อหยุดยั้งสงครามระหว่างมหาอำนาจทั้งสี่แห่งจักรวาลกันเถอะ
แล้วท่านจะได้คำตอบว่า คนกลุ่มเล็ก ๆ นี้แหละที่เป็นจุดเริ่มต้นสู่การสร้างสันติภาพ
*****
ในสถานที่อันเวิ้งว้างห่างไกลจากผู้คน ยังมีถ้ำแห่งหนึ่งซึ่งผู้ที่ได้มาเยือนจักต้องตะลึงในความงดงามของมัน ภายในถ้ำแห่งนั้นมีอัญมณีที่มีค่าอยู่มากมายหลายชนิด แต่สิ่งที่ทำให้ถ้ำนั้นสวยงามคือ คริสตัลซึ่งส่องแสงระยิบระยับดุจหมู่ดาราบนท้องนภายามค่ำคืน ทั้งคริสตัลในถ้ำนั้นเล่าก็ไม่ได้มีแค่สีเดียว แต่มีอยู่หลายสีหลายชนิด บางชนิดก็มีสีเหลืองอำพัน บางชนิดนั้นให้สีฟ้าเทอร์ควอยซ์ บางชนิดก็ส่องแสงสีเขียวมรกต เหล่านี้เป็นต้น
แม้จะอยู่ห่างไกลจากผู้คนก็จริง แต่ที่ลานกว้างใจกลางถ้ำแห่งนี้ก็ปรากฏว่ามีอนงค์นางหนึ่งซึ่งมีร่างสูงระหงกำลังร่ายรำอยู่เบื้องหน้าเหล่าคริสตัลหลากสี ข้างกายของหล่อนนั้น มีโต๊ะซึ่งมีเครื่องเซ่นสรวงบูชา ประกอบไปด้วยอาหารนานา ทั้งมังสะ มัจฉา แลผลหมากรากไม้ มีกำยาน เครื่องหอม และเชิงเทียนที่จุดไฟแล้ววางอยู่ ในขณะที่กำลังร่ายรำนั้น เธอก็เอ่ยคำร้องขอขึ้นเป็นระยะ ๆ ว่า
"ข้าแต่เหล่าเทวา ซึ่งทรงฤทธา ข้าขอบูชาท่านด้วยลีลาการเต้นรำ
ขอท่านโปรดนำความสุขมาให้ ทั้งแก่ผู้ใหญ่และต่อผู้เยาว์ ทั้งต่อหญิงสาว แลชายฉกรรจ์
โอท่านเทวีซึ่งรักษาถ้ำนี้ ได้โปรดช่วยที ให้ข้านี้มีพลัง ..."
หลังจากที่ร่ายรำและร้องขอไปได้ราวสี่สิบห้านาที ก็มีเสียงตอบรับกลับมาว่า
"เราได้ยินท่านแล้ว ท่านต้องการสิ่งใดฤาท่านผู้สูงศักดิ์"
หญิงสาวหยุดร่ายรำแล้วตอบไปว่า
"ข้าต้องการพลังจากเหล่าคริสตัลในถ้ำแห่งนี้"
"ท่านจะนำพลังที่ได้ไปใช้เพื่อการใดฤา?"
"ข้าจะนำไปใช้เพื่อค้นหาบุคคลที่เหมาะสม"
"อีกแล้วหรือ นี่เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วที่ท่านเพียรตามหาคนเหล่านั้น"
"ข้าจำเป็นต้องตามหาคนเหล่านั้น เพื่อขอให้พวกเขาได้ช่วยหยุดยั้งสงครามนี้เสียที"
"แล้วท่านคิดว่าจะเจอคนเหล่านั้นหรือ แล้วถ้าเจอแล้วคิดว่าคนเหล่านั้นจะยอมช่วยตามที่ท่านร้องขอหรือ?"
"เรื่องนั้นข้าไม่รู้หรอก แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย ข้าไม่อยากอยู่เฉย ๆ แล้วปล่อยให้ผู้คนต้องล้มตายลงโดยเปล่าประโยชน์"
"..."
"ขอให้ท่านได้โปรดพิจารณาด้วยเถิด ท่านเทพผู้รักษาถ้ำ"
หลังจากเงียบไปซักสามนาที เทพผู้รักษาถ้ำก็ตอบกลับมาว่า
"ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ข้าจะมอบพลังให้แก่ท่านเอง องค์เอมเปรส"
สิ้นเสียงขององค์เทพผู้รักษาถ้ำ แสงจากคริสตัลทั้งหลายก็ยิ่งเปล่งประกายระยิบระยับ สายพลังสองสาย หนึ่งสีเหลืองอำพัน หนึ่งสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ก็หมุนวนออกจากถ้ำพุ่งเข้าสู่ดวงตาทั้งสองข้างของเอมเปรสทันที เมื่อแสงจางหายไป นัยน์ตาสีเขียวขององค์เอมเปรสก็เปลี่ยนไปกลายเป็นตาสีฟ้าข้างหนึ่ง และตาสีเหลืองอำพันอีกข้างหนึ่ง
องค์เอมเปรสเพ่งมองไปข้างหน้า สิ่งที่พระองค์เห็นก็ไม่ใช่ผนังถ้ำที่เต็มไปด้วยคริสตัลอีกต่อไป แต่กลายเป็นดาวเคราะห์สีฟ้าสดใสดวงหนึ่งในห้วงจักรวาล เมื่อทรงเพ่งมองไปอีกครั้งดาวเคราะห์ดวงนั้นก็ลอยเข้ามาใกล้พระองค์ทุกขณะ แล้วดินแดนแห่งหนึ่งในดาวดวงนั้นซึ่งมีรูปเป็นขวานทองก็เปล่งแสงขึ้น เมื่อเพ่งมองเข้าไปอีกครั้ง ครานี้พระองค์ก็ได้พบกับชายคนหนึ่งซึ่งกำลังนั่งดูภาพยนตร์อยู่ ก่อนที่ภาพจะตัดไปยังสถานที่อีกแห่งหนึ่งซึ่งมีนักศึกษากลุ่มหนึ่งกำลังนั่งจดเล็กเชอร์อยู่อย่างขะมักเขม้น ถึงตอนนี้พระองค์ก็เจอคนที่ต้องการแล้ว
"เซริน"
"ฝ่าบาทมีอะไรให้หม่อมฉันรับใช้เพคะ"
"ข้ามีภารกิจให้เจ้าทำ"
"เพคะ"
แม้จะอยู่ห่างไกลจากผู้คนก็จริง แต่ที่ลานกว้างใจกลางถ้ำแห่งนี้ก็ปรากฏว่ามีอนงค์นางหนึ่งซึ่งมีร่างสูงระหงกำลังร่ายรำอยู่เบื้องหน้าเหล่าคริสตัลหลากสี ข้างกายของหล่อนนั้น มีโต๊ะซึ่งมีเครื่องเซ่นสรวงบูชา ประกอบไปด้วยอาหารนานา ทั้งมังสะ มัจฉา แลผลหมากรากไม้ มีกำยาน เครื่องหอม และเชิงเทียนที่จุดไฟแล้ววางอยู่ ในขณะที่กำลังร่ายรำนั้น เธอก็เอ่ยคำร้องขอขึ้นเป็นระยะ ๆ ว่า
"ข้าแต่เหล่าเทวา ซึ่งทรงฤทธา ข้าขอบูชาท่านด้วยลีลาการเต้นรำ
ขอท่านโปรดนำความสุขมาให้ ทั้งแก่ผู้ใหญ่และต่อผู้เยาว์ ทั้งต่อหญิงสาว แลชายฉกรรจ์
โอท่านเทวีซึ่งรักษาถ้ำนี้ ได้โปรดช่วยที ให้ข้านี้มีพลัง ..."
หลังจากที่ร่ายรำและร้องขอไปได้ราวสี่สิบห้านาที ก็มีเสียงตอบรับกลับมาว่า
"เราได้ยินท่านแล้ว ท่านต้องการสิ่งใดฤาท่านผู้สูงศักดิ์"
หญิงสาวหยุดร่ายรำแล้วตอบไปว่า
"ข้าต้องการพลังจากเหล่าคริสตัลในถ้ำแห่งนี้"
"ท่านจะนำพลังที่ได้ไปใช้เพื่อการใดฤา?"
"ข้าจะนำไปใช้เพื่อค้นหาบุคคลที่เหมาะสม"
"อีกแล้วหรือ นี่เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วที่ท่านเพียรตามหาคนเหล่านั้น"
"ข้าจำเป็นต้องตามหาคนเหล่านั้น เพื่อขอให้พวกเขาได้ช่วยหยุดยั้งสงครามนี้เสียที"
"แล้วท่านคิดว่าจะเจอคนเหล่านั้นหรือ แล้วถ้าเจอแล้วคิดว่าคนเหล่านั้นจะยอมช่วยตามที่ท่านร้องขอหรือ?"
"เรื่องนั้นข้าไม่รู้หรอก แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย ข้าไม่อยากอยู่เฉย ๆ แล้วปล่อยให้ผู้คนต้องล้มตายลงโดยเปล่าประโยชน์"
"..."
"ขอให้ท่านได้โปรดพิจารณาด้วยเถิด ท่านเทพผู้รักษาถ้ำ"
หลังจากเงียบไปซักสามนาที เทพผู้รักษาถ้ำก็ตอบกลับมาว่า
"ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ข้าจะมอบพลังให้แก่ท่านเอง องค์เอมเปรส"
สิ้นเสียงขององค์เทพผู้รักษาถ้ำ แสงจากคริสตัลทั้งหลายก็ยิ่งเปล่งประกายระยิบระยับ สายพลังสองสาย หนึ่งสีเหลืองอำพัน หนึ่งสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ก็หมุนวนออกจากถ้ำพุ่งเข้าสู่ดวงตาทั้งสองข้างของเอมเปรสทันที เมื่อแสงจางหายไป นัยน์ตาสีเขียวขององค์เอมเปรสก็เปลี่ยนไปกลายเป็นตาสีฟ้าข้างหนึ่ง และตาสีเหลืองอำพันอีกข้างหนึ่ง
องค์เอมเปรสเพ่งมองไปข้างหน้า สิ่งที่พระองค์เห็นก็ไม่ใช่ผนังถ้ำที่เต็มไปด้วยคริสตัลอีกต่อไป แต่กลายเป็นดาวเคราะห์สีฟ้าสดใสดวงหนึ่งในห้วงจักรวาล เมื่อทรงเพ่งมองไปอีกครั้งดาวเคราะห์ดวงนั้นก็ลอยเข้ามาใกล้พระองค์ทุกขณะ แล้วดินแดนแห่งหนึ่งในดาวดวงนั้นซึ่งมีรูปเป็นขวานทองก็เปล่งแสงขึ้น เมื่อเพ่งมองเข้าไปอีกครั้ง ครานี้พระองค์ก็ได้พบกับชายคนหนึ่งซึ่งกำลังนั่งดูภาพยนตร์อยู่ ก่อนที่ภาพจะตัดไปยังสถานที่อีกแห่งหนึ่งซึ่งมีนักศึกษากลุ่มหนึ่งกำลังนั่งจดเล็กเชอร์อยู่อย่างขะมักเขม้น ถึงตอนนี้พระองค์ก็เจอคนที่ต้องการแล้ว
"เซริน"
"ฝ่าบาทมีอะไรให้หม่อมฉันรับใช้เพคะ"
"ข้ามีภารกิจให้เจ้าทำ"
"เพคะ"