วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2556

นิยายลา ฟลอร่า ตอน ถ้ารักลา ฟลอร่า ใช้ภาษา...

   " ตื่นได้แล้วทิวา ถึงที่หมายแล้วลูก" ศิลาปลุกลูกสาวตัวน้อยที่นอนหลับอยู่ที่เบาะหลังรถ เด็กหญิงงัวเงียลืมตาขึ้น ก่อนจะลุกขึ้นบิดขี้เกียจสองครั้ง แล้วหาววอดใหญ่

 "อย่าอ้าปากกว้างนักสิลูก ดูไม่งามเลย" ไอริณ พุดพิชญา ตักเตือนลูกสาวของเธอ

 "ค่า!" ทิวา พุดพิชญา ตอบรับผู้เป็นแม่อย่างอารมณ์ดี ตอนนี้เธอกำลังมีความสุข เพราะแม่ของเธอได้กลับมาอยู่ที่บ้านอีกครั้งหลังจากที่จากไปนาน ทำให้ครอบครัวของเธออยู่กันอย่างพร้อมหน้า คุณพ่อศิลาจึงได้เสนอให้ไปเที่ยวต่างจังหวัด หลังจากคิดอยู่ไม่นานก็ตกลงกันได้ว่าเมื่อตอนนี้ครอบครัวได้กลับมามีความสุขอีกครั้งก็ควรไปเที่ยวที่สุโขทัย ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นรุ่งอรุณแห่งความสุข นี่จึงเป็นเหตุที่ทำให้เธอได้มาเที่ยวที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
หลังจากลงจากรถเรียบร้อยแล้ว ทั้งสามคนก็ได้เดินเข้าไปชมภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
รามคำแหงก่อน แล้วจึงได้เข้าไปในเขตอุทยานโดยได้ไปไหว้อนุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ก่อนที่จะขึ้นรถรางไปชมในส่วนของตัวเมือง ชมและไหว้พระวัดมหาธาตุ วัดศรีสวาย วัดตระพังเงิน  ฯลฯ หลังจากนั้นก็ได้ไปชมโบราณสถานส่วนที่อยู่นอกกำแพงเมือง ชมเตาทุเรียง วัดช้างล้อม สรีดภงส์ หรือทำนบพระร่วง  ก่อนที่จะได้ไปไหว้พระสวดมนต์ในมณฑปพระอจนะ ที่วัดศรีชุม เสร็จจากการชมอุทยานก็เป็นเวลาเย็นแล้ว ทั้งสามคนจึงได้กลับมาที่รถยนต์อีกครั้ง เพื่อที่จะได้กลับไปที่โรงแรม ในระหว่างทาง ทิวาเปิดไอแพดเพื่อส่งข่าวบอกเพื่อน ๆ ของเธอ
  "ใช้ไอแพดอีกแล้วเหรอลูก" ไอริณถามลูกสาวที่กำลังใช้ไอแพดเครื่องใหม่ล่าสุดที่เธอซื้อมาให้อยู่
 "กำลังส่งข่าวสารบอกเพื่อน ๆ ผ่านทางเฟซบุ๊คอยู่เลยค่ะ"
 "ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะทิวา ว่าแต่เรื่องเรียนเป็นอย่างไรบ้างจ๊ะ ? "
 "ก็เรื่อย ๆ แหละค่ะ คุณแม่" ทิวา ตอบ
 "ตั้งใจเรียนให้ดีล่ะ จบมาจะได้มีความรู้มาใช้ประโยชน์ในภายภาคหน้า" ผู้เป็นแม่กำชับลูกสาว
 "ลูกเราเก่งอยู่แล้วล่ะ ถามอะไรก็ตอบได้" ศิลาซึ่งกำลังขับรถอยู่พูดขึ้นมาบ้าง
"ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะคุณพ่อ เรื่องที่หนูไม่รู้ก็มีอีกตั้งเยอะ"
"ไม่รู้เรื่องอื่นไม่เป็นไร รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี" ศิลาพูดพลางอมยิ้มไปพลาง "แล้วเรื่องที่เกี่ยวกับประเทศไทยเราก็ควรจะรู้ให้มากนะ เพราะเป็นเรื่องของแผ่นดินของเรา ถ้าคนไทยไม่รู้จักประเทศของตัวเองแล้ว ก็เท่ากับเราไม่รู้จักตัวของเราเอง รากเหง้าของเราเอง"
"ค่ะ" ทิวาตอบรับ "หนูจะพยายามศึกษาเพื่อให้รู้เรื่องราวของประเทศไทยให้มากที่สุดเลยค่ะ"
"ถ้าอย่างนั้นมาทดสอบกันดีกว่า ลูกรู้ไหมว่าอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยที่เราได้เข้าไปเที่ยวกันน่ะได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกด้วยนะ พ่อขอถามว่าอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยได้เป็นมรดกโลกเมื่อวันที่เท่าไหร่ ?" ผู้เป็นพ่อถาม
"เมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๔ ได้เป็นมรดกโลกเพราะมีคุณสมบัติการเป็นมรดกโลกตรงตามหลักเกณฑ์ข้อที่ ๑ และข้อที่ ๓ ค่ะ"
"ดีมากลูก คำถามต่อไป แล้วพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ท่านทรงมีคุณูปการต่อประชาชนคนไทยอย่างไรบ้าง ?"
"อืม พ่อขุนรามคำแหงท่านก็มีผลงานหลายอย่างนะคะ อย่างเช่น เรื่องของการจัดระบบการปกครอง เรื่องเกี่ยวกับการสืบสานพระพุทธศาสนา แต่หนูคิดว่าที่สำคัญเป็นเรื่องของภาษาค่ะ"

"อธิบายมาหน่อยซิลูก"  ศิลาซักต่อ

"คือ ท่านเป็นผู้ประดิษฐ์อักษรไทยขึ้น เพื่อให้คนไทยได้มีอักษรประจำชาติ อันเป็นเครื่องหมายประการหนึ่งของการแสดงความมีเอกราชของชนชาติไทน่ะค่ะ อักษรไทยที่ท่านประดิษฐ์ขึ้นมานั้นได้รับการพัฒนามาจนเป็นตัวอักษรไทยในทุกวันนี้ค่ะ"

"เก่งมากลูกพ่อ"

ทิวายิ้มรับคำชมเชยของผู้เป็นพ่อ

"พูดถึงเรื่องอักษรไทยแล้ว แม่อยากรู้จังเลยว่าวิชาภาษาไทยของลูกเป็นอย่างไรบ้าง"

"ก็ เอ่อ คือ ว่า...มันก็ คือ..." ทิวาตอบตะกุกตะกัก

"ทิวาจ๊ะ"

"คะ?"

"บางทีลูกอาจจะไม่ค่อยเก่งภาษาไทยเท่าไหร่นักนะ"

แย่แล้ว คุณแม่จะจับได้ไหมเนี่ย

"มันก็ไม่ได้แย่อย่างนั้นหรอกนะคะ แค่..."

"แค่พอสอบผ่านหรือลูก" ไอริณถาม

"ไม่ใช่นะคะ" เสียงทิวาฟังออกว่าร้อนรน

"พูดมาเถอะลูก" ศิลาพูด

ทิวาทำหน้าละห้อย ก่อนจะสารภาพออกมาว่า "คือ หนูสอบไม่ผ่านในการสอบครั้งที่ผ่านมาน่ะค่ะ"

"ทำไม ข้อสอบยากมากหรือลูก ?" ศิลาถาม

"ก็ไม่ค่อยยากเท่าไหร่หรอกค่ะ เพียงแค่"

"ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือใช่ไหมลูก" ศิลาต่อให้

"แหะ แหะ แหะ"

"ถ้าอย่างนั้้น หักค่าขนมครึ่งหนึ่งก็แล้วกันนะลูก"

"โธ่! คุณพ่อขา" ทิวาโอดครวญ

"ลูกจะได้ตั้งใจเรียน ตั้งใจอ่านหนังสืออย่างไรล่ะ"

ทิวาทำปากยู่อย่างไม่สบอารมณ์

"แม่ไม่ว่าอะไรเรื่องลูกสอบไม่ผ่านหรอกนะ แต่"

"แต่อะไรคะ"

"นี่มันอะไรจ๊ะ?" ไอริณหันไอแพดของตัวเองมาให้ทิวาดู เป็นหน้าเฟซบุ๊คที่ทิวาใช้ติดต่อกับเพื่อนและเจ้าหญิงมิเอเล่ โดยแต่ละบรรทัด มีการใช้ภาษาที่ประหลาดมาก

"เอ๋! คุณแม่แอบเข้าไปดูเฟซบุ๊คของหนูด้วยเหรอคะ"

"แหมแม่ก็ต้องการรู้ว่าลูกเป็นอย่างไรบ้างก็เลยเข้าไปดูหน่อย แม่ก็เลยเข้าใจเลยว่าทำไมลูกสอบตกวิชาภาษาไทย ดูสิจ๊ะ

วันที่ ๑๐ มกราคม
                 "หวัดดี  เหมยฮัว สบายดีไหม ส่วนเราสบายดีจร้าาาาาาา  ปีใหม่ไปเที่ยวที่ไหนมาบ้างล่ะ" 

วันที่ ๑๕ มีนาคม   หลังเลิกเรียนชวนยูริไปดูการ์ตูนกัน สนุกมาก ขำกร๊ากกกกก!!!...เลย


วันที่ ๒๐ เมษายน วันนี้ทางนักเรียนจากโรงเรียนโนอาห์ได้มาสังสรรค์กับพวกเรา เลยได้ร่วมโต๊ะทานอาหารกับตาแว่นกียุลนั่น

วันที่ ๒๑ พฤษภาคม บร๊ะเจ้า วันนี้มีการแสดงจำอวด แสดงได้อย่างเกรียนมว๊ากกกกกกกกเลย

วันที่ ๒ มิถุนายน  มีการประกวดชุดแฟนซี โรซารี่แต่กายได้น่าร๊ากกกกกกกจุงเบย


บอกแม่หน่อยได้ไหมลูกว่าทำไมใช้ภาษาผิด ๆ แบบนี้ 'สวัสดี' ก็ย่อเหลือเพียงแค่ 'หวัดดี' คำว่า 'จ้า' ก็ใช้เป็น 'จร้าาาาาาา'  'น่ารัก' ลากเสียงยาวเป็น 'น่าร๊ากกกกกกก' คำว่า 'กินอาหาร' ลูกก็ใช้ว่า 'ทานอาหาร' แล้วคำว่า 'บร๊ะเจ้า' และ 'เกรียนมว๊ากกกกกกกก' นี่คืออะไรจ๊ะ"

"โธ่ ! คุณแม่ขาใครเขาก็ใช้กันแบบนี้ทั้งนั้นแหละค่ะ"


"ใช้ภาษาผิด ๆ น่ะเหรอ ไม่เอานะทิวา การใช้ภาษาแบบนี้เท่ากับไม่เคารพพ่อขุนเลยนะลูก ท่านอุตสาห์ประดิษฐ์อักษรไทยมา ไม่ใช่เพื่อให้เราใช้ภาษากันผิด ๆ อย่างนี้นะลูก แม่เปิดเข้าไปดูในเฟซบุ๊คเห็นว่าปัจจุบันนี้มีแต่คนใช้ภาษาผิดกันมากมายเหลือเกิน อย่างเช่น แทนที่จะใช้คำว่า 'น่ารัก' ก็ไปใช้คำว่า 'โมเอ้วว' คำว่า 'มาก' ก็ใช้ว่า 'มั่ก' แทน แต่เอาเถอะใครเขาจะใช้ผิดก็เรื่องของเขา แต่ลูกแม่ต้องใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องนะ เข้าใจไหม?"

"ทราบแล้วค่ะ จะปฏิบัติตามค่ะ ว่าแต่คุณแม่คะ คำว่า 'ทานอาหาร' นี่เป็นการใช้ภาษาผิดตรงไหนเหรอคะ ?"

"เมื่อก่อนแม่ก็คิดและก็ใช้คำนั้นมาอย่างที่ลูกว่านั่นแหละ แต่ตอนหลังได้ไปเปิดพจนานุกรมดู แม่จึงพบว่า แม่ใช้ผิด เพราะคำว่า 'ทาน' นั้น ถ้าเป็นคำนามหมายถึง การให้ สิ่งที่ให้  แต่ถ้าเป็นคำกริยา จะหมายถึง ยันหรือรับไว้ มักใช้เข้าคู่กับคํา ต้าน เป็น ต้านทาน หรือหมายถึง สอบหนังสือให้ตรงกับต้นฉบับ เห็นไหมลูกว่าไม่มีคำใดที่หมายถึงเอาอาหารเข้าปากเลย ดังนั้น การใช้คำว่า 'ทานอาหาร' จึงเป็นการใช้ภาษาที่ผิด"

"อื้อฮึ"

"อ้อ อีกอย่างนะลูก เวลาติดต่อกับพ่อแม่น่ะ นอกจากจะใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องแล้ว ต้องหัดใช้เลขไทยแทนเลขอารบิกด้วยนะ" ศิลาพูดเสริม

"ทำไมล่ะค่ะ?"

"ก็เพราะว่าเลขไทยก็เป็นเหมือนกับภาษาไทย คือ เป็นสิ่งที่แสดงออกถึงความเป็นชาติไทย เราจะใช้เลขของต่างประเทศไปทำไมในเมื่อเราก็มีตัวเลขของเราเองอยู่แล้ว ถ้าจะใช้เลขอารบิกก็ใช้ตอนที่ใช้ภาษาต่างประเทศสิลูก จริงไหม?"

"ก็จริงนะคะ"

"นอกจากเรื่องการใช้ภาษาไทยและเลขไทยให้ถูกต้องแล้ว ก็จะต้องระมัดระวังเรื่องของการใช้คำพูดด้วยนะลูก เคยได้ยินเรื่องตำนานพระพูดได้ที่วัดศรีชุมไหมลูก"

"เคยได้ยินค่ะ" ก็คุณพ่อเคยเล่าให้ฟังตั้งสองสามครั้งแล้วนี่

"พ่อไม่จำเป็นต้องเล่ารายละเอียดในเรื่องนี้ให้ฟังอีกแล้วนะ แค่จะบอกลูกให้ทราบว่าเรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงพลังของคำพูดมากเลยทีเดียว ดังนั้น เราจึงต้องพูดจาให้ดี คือ เราจะต้องพูดแต่ความจริง ไม่พูดปด พูดแต่ถ้อยคำสุภาพ ไม่พูดคำหยาบคาย พูดแต่สิ่งที่มีประโยชน์ ไม่พูดเพ้อเจ้อ และจะต้องพูดสมานสามัคคี ไม่พูดส่อเสียดยุยง นะลูก"

"ค่ะ" ทิวารับคำ

"ลูกรักสถาบันลา ฟลอร่าไหมจ๊ะ ?" ไอริณถาม

"รักสิคะ"

"ท่านผู้อำนวยการน่ะ สนับสนุนให้นักเรียนใช้ภาษาประจำชาติของตนให้ถูกต้อง และสนับสนุนการใช้คำพูดที่ดีและเกิดประโยชน์ต่อสังคมด้วย

ฉะนั้นนะลูก ถ้าลูกรักลา ฟลอร่า ลูกต้อง..."

"ใช้ภาษาให้ถูกต้องค่ะ"

"ยังไม่หมด ถ้าลูกรักลา ฟลอร่า ลูกจะต้อง... " ศิลาซักต่อ

"พูดแต่ความจริงค่ะ"

"ถ้าลูกรักลา ฟลอร่า" ไอริณพูด

"หนูจะพูดจาอย่างสุภาพ"

"ถ้าลูกรักลา ฟลอร่า" ศิลาพูด

"หนูจะไม่พูดจาส่อเสียดค่ะ"

"ถ้าลูกรักลา ฟลอร่า" ศิลาและไอริณประสานเสียงกัน

"หนูจะไม่พูดจาเพ้อเจ้อเหลวไหลค่ะ"

ทั้งสามคนหัวเราะกันอย่างอารมณ์ดี 

"ดีแล้วลูกแม่ ทำให้ได้อย่างที่พูดล่ะ วันนี้แม่อารมณ์ดีแล้ว จะร้องเพลงให้ฟังก็แล้วกันนะ"

"หา!" ศิลาและทิวาประสานเสียงกัน

แล้วไอริณก็ร้องเพลงเสียงดังเป็นเวลานาน ทำให้สองพ่อลูกต้องทนฟังเสียงอันไพเราะ (มั๊ง) ของไอริณอยู่อย่างอึดอัด จนทิวาอยากร้องออกมาดัง ๆ ว่า

คุณแม่ขา ถ้ารักลา ฟลอร่า อย่าไปร้องเพลงให้ใครเขาฟังนะคะ!!!


อ้างอิง

๑) http://rirs3.royin.go.th/word1/word-1-a0.asp  คำว่า กิน และ http://rirs3.royin.go.th/word21/word-21-a0.asp คำว่า ทาน


๒) http://th.wikipedia.org/wiki  อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย , วัดศรีชุม (จังหวัดสุโขทัย) , พ่อขุนรามคำแหงมหาราช , กุศลกรรมบถ

๓) http://www.thaiwhic.go.th/heritage_culture.aspx

อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ศรีสัชนาลัย และกำแพงเพชร ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกภายใต้ชื่อ เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร จากการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ ๑๕   เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๓๔  ที่เมืองคาร์เทจ ประเทศตูนิเซีย โดยมีคุณสมบัติการเป็นมรดกโลกตรงตามหลักเกณฑ์ข้อที่ ๑ และข้อที่ ๓ ดังนี้
(i)เป็นตัวแทนในการแสดงผลงานชิ้นเอกที่จัดทำขึ้นด้วยการสร้างสรรค์อันชาญฉลาดของมนุษย์
(iii)
เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานของวัฒนธรรม หรืออารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบันหรือว่าที่สาบสูญไปแล้ว











ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น