วันจันทร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2557

วรรณกรรมเพื่อชนชาติไทย



          เรียน คุณกัลฐิดา

                สวัสดีครับ คุณกัลฐิดา  จำผมได้ไหมครับ ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ตอนที่คุณกำลังจะออกจากบูทของสำนักพิมพ์สถาพร ผมเป็นคนที่เข้าไปพูดคุยกับคุณในเรื่องต่าง ๆ รวมถึงเรื่องที่เกี่ยวกับการกำจัดคราบฟันว่าจะต้องทำอย่างไร แต่ถึงคุณหมอจะจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ เพราะถึงอย่างไรผมก็จะติดตามงานเขียนของคุณหมอต่อไป เนื่องจากงานเขียนของคุณหมอนั้นยอดเยี่ยมเหลือเกิน ทั้งการดำเนินเนื้อเรื่อง การใช้ภาษา และข้อคิดที่สอดแทรกลงไปในเนื้อเรื่อง อย่างผลงานเรื่อง Calendar Castle ก็เป็นนวนิยายแนวแฟนตาซีที่มีโครงเรื่องหลักเป็นเรื่องของปัญหาครอบครัว การดำเนินเนื้อเรื่องชี้ให้เห็นถึงปัญหาที่เกิดจากความรัก ความลุ่มหลงและความแค้นของบรรดาเทพเจ้าและมนุษย์ จนทำให้ลูกหลานที่เป็นเทพเจ้าและมนุษย์ต้องเข้ามาร่วมมือกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น นับเป็นเรื่องที่สร้างความประทับใจมาก (ไม่น้ำเน่า มีแต่ฉากตบตี หรือพูดจาหยาบคายแบบละครไทยหลายเรื่อง) ถ้าเทพเจ้าและมนุษย์ในเรื่องนี้สามารถร่วมมือกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ แล้วทำไมคนไทยในยุคปัจจุบันจึงไม่ร่วมมือร่วมใจกันแก้ไขปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้อย่างสันติวิธีล่ะครับ เป็นไปได้ไหมครับที่คุณหมอและนักเขียนในเครือสำนักพิมพ์สถาพรท่านอื่นจะแต่งวรรณกรรมที่จะช่วยให้คนไทยหันกลับมาร่วมมือร่วมใจกันแก้ไขปัญหาสังคมที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ หันกลับมารักใคร่สามัคคีกลมเกลียวกัน ไม่แบ่งแยกกัน และร่วมใจกันพัฒนาชาติไทยให้ก้าวหน้าสู่ความรุ่งเรือง ต่อไป เหมือนกับที่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ และหลวงวิจิตรวาทการเคยแต่งวรรณกรรมเพื่อปลุกจิตสำนึกของคนไทยให้สามัคคีและทำเพื่อชาติบ้านเมืองมาแล้ว ผมไม่ได้ขอให้คุณหมอแต่งวรรณกรรมที่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง แต่เป็นวรรณกรรมที่เกี่ยวกับความรักชาติและความสามัคคีของคนในชาติต่างหาก ผมเองก็ลองแต่งเหมือนกัน โดยเอาตัวละครมาจากผลงานเรื่อง ลา ฟลอร่า โรงเรียนป่วนก๊วนเจ้าหญิง คุณหมอสามารถดูได้ที่
 
http://writer.dek-d.com/winsamstag/writer/view.php?id=1089096 หรือ

http://vasuniti.blogspot.com/2014/01/blog-post_19.html

ขอโทษด้วยก็แล้วกันครับที่พอติดต่อกับคุณหมอมาก็ขอร้องคุณหมอแบบนี้เลย แต่ก็เพื่อชาติของเราน่ะครับ (ช่วงนี้ชาติของเราต้องการชาวบ้านบางระจันนะครับ)

                                                                                                                      ด้วยความเคารพ
                                                                                                                         นาย วสุ สรรกำเนิด

ป.ล. สามารถติดต่อผมได้ที่ https://www.facebook.com/vasuniti หรือ  vasuniti@hotmail.com


                                                                                                                      

 

Letter for My Beloved country


            To editor, reporter and all readers of The Economist , CNN , BBC , Reuters , AP , AFP , DW, Times, Al jazeera, Washington post etc.

      I  have to express my opinion about the political crisis in my beloved country.

1) Those  madness protesters are truly the terrorrists. They commited several aggravated crimes such as Defamation , Battery , Trespass and even Treason.

2) Those crazy mobs are the enemy of the public. They divide the people of the Kingdom by regions and by political opinion. They condemn and even assault everyone who disagree with them.

3) Those insanity mobs and those who support them are FAKE royalists. They just claim that they are royalists but act nothing to support the Monarchy. On the contrary, the current thai government and the former Thaksin government are the TRUE royalists. If you remember, they can held the King's birthday ceremony  which receive  very good reception from millions of thai people and foreigners.

(So I asked you not to use word 'royalist' or 'ultraroyalist' to refer to the mobs and those elites.)

4) Those unreasonable mobs and those who support them don't understand the meaning of democracy and patriotism.They don't accept the election or the principle of equality.They also use the national flag of Thailand to divide the people. Their action ruin the country.

5) The elites and the high rank military are the enemy of democracy.They launch many coup d'état since 1932 A.D.. First they hijack the power from King Rama VII of Chakri dynasty, then they hijacks the power from Thai people.

6) The current Constituional Judges , The Election Commission , The National Anti-Corruption Commission, appointed Senator  and some scholars are groups of corrupted aristocrat. Their opinions/decisions/judgements are full of prejudice , unfair and unconstitutional.

7) Millions of Thai people want democracy and election. They are non violence group and they are neither  red shirt nor the  mobs. They don't want to seperate the country.


                         
So                      No more coup,

                          No more  violence,

                          No more  mobs,

                          No more division,

                          No more hate speech,
                     
                          No more prejudice,

                          No more Oligarchy!

                          The people of Thailand want democracy.

                          We want election.

                          Respect My Vote!

                                                                                                    Sincerely yours

                                                                                                           Vasu Sankamnerd (Thai people)











                                              

You are what you eat



                          ฝากกลอนให้คนไทยด้วยกันครับ


                            ๑. You are what you eat

                             หากรับความเห็นผิดก็จะผิดตามกัน

                             ชอบฟัง hate speech กันอย่างเมามัน

                             แบ่งแยกชนชั้น แบ่งเขาแบ่งเรา

                             ดั่งญี่ปุ่นเยอรมัน เคยปลูกฝังประชา

                             ว่าชนชาติเราเป็นพวกเก่งกล้า

                             เป็นพวกเหนือกว่าชนทุกเผ่าพันธุ์

                             จึงได้ยกทัพรุกรานเข่นฆ่า

                            จนคนทั้งโลกาแทบวินาศดับสูญ

                          ๒. You are what you eat

                               หากเชื่อมั่นในสันติวิธี
                            
                               เชื่อในสิทธิเสรี
                           
                               ทั้งคนจนคนมั่งมี

                               ล้วนเสมอภาคกัน

                               ยึดในนิติรัฐ

                              ยืนหยัดยุติธรรม

                              ชาวประชาจะสุขสันต์

                             ร่วมกันพัฒนา

                             ชาติให้ก้าวหน้า

                             ด้วยประชาธิปไตย

                    ๓.      มาช่วยกันเถิด

                             ช่วยกันสร้างสรรค์

                             สังคมไทยนั้นให้วัฒนาถาวร

                             ประเทศมั่นคง

                            ประชาดำรงศีลธรรม

                            รักษาวัฒนธรรม

                            อันเลิศล้ำอำไพ

                            และปลูกฝังความดี

                           ให้ลูกหลานไทย

                           จงจำเอาไว้ว่า

                           You are what you eat.



                                                   

                            


วันพฤหัสบดีที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2557

มุสลิม สามารถร่วมงานวันครูได้โดยไม่ผิดหลักศาสนาอิสลาม

  จากกรณีที่ไม่สามารถจัดงานวันครูที่จังหวัดนราธิวาสได้เนื่องจากเกรงว่าจะขัดต่อหลักศาสนาอิสลามนั้น ข้าพเจ้าเองกลับมีความคิดเห็นว่า ชาวมุสลิมสามารถร่วมงานวันครูได้โดยไม่ผิดหลักศาสนาอิสลาม และข้าพเจ้ายังมีความเห็นอีกว่าชาวมุสลิมไม่จำเป็นต้องทำลายหรือเคลื่อนย้ายพระพุทธรูปออกไปจากสถานที่ืที่มีชาวมุสลิมอยู่  ข้าพเจ้ามีเหตุผลสนับสนุนดังต่อไปนี้
 
๑.  การที่ชาวมุสลิมต้องมีศรัทธาในพระอัลลอฮฺและปฏิบัติตนตามหลักศาสนาอิสลามอย่างเคร่งครัดนั้น ไม่ได้หมายความว่า ชาวมุสลิมจะต้องปฏิเสธการเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมที่เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมในศาสนาอื่นโดยสิ้นเชิง เนื่องจาก ศาสนาอิสลามสั่งสอนให้มนุษย์อยู่กันด้วยความเป็นมิตร ละเว้นการรบราฆ่าฟันโดยไม่มีเหตุอันควร การทะเลาะเบาะแว้ง การละเมิดและรุกรานสิทธิของผู้อื่น เน้นความอดกลั้น  การให้อภัย ความเท่าเทียม และความเสมอภาคระหว่างมนุษย์ การเคารพสิทธิของผู้อื่น (๑) ซึ่งสามารถแปลความได้ว่าการจะอยู่ร่วมกับศาสนิกชนที่นับถือศาสนาอื่นได้อย่างฉันมิตรนั้น ชาวมุสลิมก็จะต้องให้ความเคารพต่อศาสนสถาน ศาสนวัตถุ และศาสนพิธีของศาสนาอื่น การให้ความเคารพในที่นี้ไม่ได้บังคับถึงขนาดที่ว่าชาวมุสลิมจะต้องงดเว้นไม่ปฏิบัติตามคำสอนของศาสนาอิสลาม เพียงแค่ยอมรับที่จะปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมอันดีงามของศาสนาอื่นเมื่อเข้าไปอยู่ร่วมกับศาสนิกชนของศาสนาอื่นบ้าง อนึ่ง การที่ชาวมุสลิมไม่ได้รับอนุญาตให้ทำความเคารพต่อพระพุทธรูป หรือรูปเคารพของศาสนาอื่นนั้น ก็ไม่มีเหตุอันใดที่ชาวมุสลิมจะต้องทำลายหรือเคลื่อนย้านพระพุทธรูปหรือรูปเคารพของศาสนาอื่น ด้วยเหตุผลที่ได้กล่าวมาข้างต้น
 
๒. ในทางปฏิบัติชาวมุสลิมในหลายประเทศก็ยังคงรักษาประเพณีของชนชาติตนเองที่มีมาก่อนที่ชนชาตินั้นจะเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลามไว้โดยไม่มีปัญหาว่าจะขัดต่อหลักของศาสนาอิสลามแต่อย่างใด
 
   เช่น ๒.๑ ในประเทศอิหร่านและแถบเอเชียกลาง ยังคงจัดเทศกาลโนรูส (Norooz) ซึ่งเป็นเทศกาลที่จัดขึ้นตามหลักศาสนาดั้งเดิมของชาวเปอร์เซีย (ชาวอิหร่าน) อยู่ (๒)
 
         ๒.๒ ในประเทศอินโดนีเซีย การแสดงรามายณะและมหาภารตยุทธ ซึ่งเป็นการแสดงเกี่ยวข้องกับศาสนาฮินดู  และชาวอินโดนีเซียยังมีวัฒนธรรมการไหว้อันเป็นวัฒนธรรมที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลามอยู่
 
๓. ในทางปฏิบัติชาวมุสลิมในหลายประเทศไม่ได้ทำลายหรือโยกย้ายรูปเคารพของศาสนาอื่นหรือทำลาย
ศาสนสถานของศาสนาอื่นออกไปจากดินแดนของตน
เช่น

          ๓.๑ ในประเทศอียิปต์ ยังคงมีพีระมิด สฟิงซ์ วิหารบูชาเทพเจ้าของชาวอียิปต์โบราณ (ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลาม) หลายแห่ง
     
          ๓.๒ ในประเทศตุรกี มีพิพิธภัณฑ์ซึ่งเคยเป็นศาสนสถานของชาวคริสต์มาก่อน คือ ฮาเกีย โซเฟีย (Hagia Sophia) ถ้ำที่มีภาพเขียนในทางศาสนาคริสต์ที่เกอเรเม (Churches of Göreme, Turkey) ซากวิหารและนครโบราณของชาวกรีกซึ่งมีอยู่จำนวนมาก (๓)
 
          ๓.๓ ในประเทศอินโดนีเซีย มีวิหารในศาสนาพุทธ และศาสนาฮินดูอยู่มากมายหลายแห่ง ดังนี้ เป็นต้น
 
(ส่งผลดีต่อการศึกษาทางโบราณคดีและการท่องเที่ยว ตรงกันข้ามกับการทำลายศาสนสถานและศาสนวัตถุของศาสนาอื่นเป็นการทำลายประวัติศาสตร์ และรากเหง้าของชนชาตินั้น)
 
๔. การดำเนินนโยบายอยู่ร่วมกับศาสนิกชนในศาสนาอื่นจะทำให้ชาวมุสลิมได้รับการยอมรับมากกว่าการแยกกลุ่ม  ลองสังเกตดูได้จากพระเจ้าอักบาร์ (Akbar) แห่งราชวงศ์โมกุล ที่แม้จะทรงนับถือศาสนาอิสลามแต่ก็มีนโยบายที่ผ่อนปรนต่อผู้นับถือศาสนาอื่น ทั้งในเรื่องการอนุญาตให้ผู้ที่นับถือศาสนาฮินดูซึ่งถูกบังคับให้นับถือศาสนาอิสลามสามารถกลับไปนับถือศาสนาฮินดูได้โดยไม่ต้องโทษประหารชีวิต พระองค์เข้าปฏิบัติตามพิธีกรรมในศาสนาฮินดูหลายอย่าง เช่น การเข้าร่วมเทศกาล   Diwali  หรือการห้ามการกินเนื้อวัว (ซึ่งชาวฮินดูนับถือว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นพาหนะขององค์มหาเทพศิวะ) (๔) พระองค์เข้าร่วมส่วนในการอภิปรายทางศาสนากับนักปราชญ์ในศาสนาเชนอย่างสม่ำเสมอ (๕) พระองค์จึงได้รับการสรรเสริญจากผู้ที่นับถือศาสนาอื่น
 
 
 ข้าพเจ้าหวังว่าชาวมุสลิมที่ได้อ่านบทความนี้จะเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อศาสนพิธีของศาสนาอื่น ไม่ทำลายหรือโยกย้ายพระพุทธรูปและรูปเคารพของศาสนาอื่น ไม่ต่อต้านระเบียบห้ามคลุมญิฮาปในโรงเรียนวัด เข้าร่วมในพิธีไหว้ครู ได้ ฯลฯ เพื่อการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสันติสุขครับ
 
                                                                                                          นาย วสุ สรรกำเนิด
 
อ้างอิง
 
(๑) โปรดดู สาส์นแห่งอิสลามที่ถูกส่งมาให้แก่มนุษย์ทั้งมวลมีจุดประสงค์หลัก ๓ ประการ ใน

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1
 
(๒)  โปรดดู เรื่องของเทศโนรูสได้ที่

http://sameaf.mfa.go.th/th/country/middle-east/tips_detail.php?ID=1842

http://sameaf.mfa.go.th/th/country/middle-east/tips_detail.php?ID=1843


(๓) สามารถอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่เหล่านี้ได้ในเว็บไซต์วิกีพีเดีย (แนะนำภาคภาษาอังกฤษ)
 
(๔)  http://en.wikipedia.org/wiki/Akbar#Religious_policy และ

       http://en.wikipedia.org/wiki/Akbar#Relation_with_Hindus

(๕)  http://en.wikipedia.org/wiki/Akbar#Relation_with_Jains
 

 
 
 
 
 
          
 

วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2557

นิยายลา ฟลอร่า ตอน คนชาติเดียวกัน


ณ ห้องประชุมของโรงเรียน ลา ฟลอร่า บรรดานักเรียนเจ้าหญิงและเจ้าชายต่างมาชมการแสดงชุดต่าง ๆ ทุกคน ที่จริงเกือบทุกคนต่างรับชมการแสดงด้วยความสุข เว้นเพียงแต่สองคน คือ ทิวา และราตรี
เหมยฮัว  "นี่ อาทิวา อาราตรี พวกลื๊อจะทำหน้าบึ้งไปถึงเมื่อไหร่กันน่อ?"
ยูริ          "นั่นสิ เจ้าคะ ยูริพลอยไม่สบายใจไปด้วยเลยเจ้าค่ะ"
นาซิสซ่า  "ทำหน้าหงิกหน้างอ ไม่หัวเราะ ไม่ปรบมือ เมื่อนักแสดงทำการแสดงเสร็จ ไม่มีมารยาทเลยนะพวกเธอนี่"
โรซารี่     "นี่พวกเธอสองคนมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า?"
ทิวา        "ไม่ใช่เรื่องของเธอซักหน่อย" ทิวาพูดโดยไม่หันมามองหน้าโรซารี่
ราตรี       "มิมีปัญหาอันใดดอก"
ยูริ          "อย่าพึ่งทะเลาะกันตอนนี้เลยนะเจ้าคะ"
นาซิสซ่า  "เฮ้อ! พวกเธอนี่คนชาติเดียวกันมาทะเลาะกันซะได้"
ครูวินเซนต์
"ต่อไปขอเชิญพบกับการแสดงการเล่านิทานและการเปลี่ยนใบหน้าของเพลโต นักเรียนเจ้าชายจากประเทศกรีซครับ"
เพลโต      "กาลครั้งหนึ่งมีสะพานแห่งหนึ่งซึ่งทอดตัวข้ามหน้าผาอันสูงชัน ณ ที่แห่งนั้น มีแพะ ๒ ตัว ซึ่งมาจากคนละฟากของฝั่งหน้าผาต้องการเดินข้ามสะพานแห่งนั้นเพื่อไปยังอีกฝั่ง แต่สะพานนั้นสามารถข้ามได้เพียงแค่ตัวเดียว และแพะสองตัวนั้นต่างฝ่ายต่างก็ต้องการข้ามสะพานก่อนอีกตัวโดยไม่มีใครยอมใคร " เพลโตเปลี่ยนหน้าของตนเองให้กลายเป็นแพะหน้าบูดส่งเสียงคำราม
"เมื่อแพะทั้งสองตัวไม่สามารถตกลงกันได้จึงได้วิ่งเข้าหาและปะทะกันกลางสะพาน ด้วยความแคบของสะพานนั้นเอง เป็นเหตุให้แพะทั้งสองตัวต้องตกจากสะพานลงไปในเหวลึกและถึงแก่ความตายทั้งคู่"
เพลโตเปลี่ยนหน้าของตนให้กลายเป็นแพะหน้ายิ้ม ก่อนจะเล่าต่อไป
"ต่อมามีแพะอีกคู่หนึ่งจะข้ามสะพานอีกเหมือนกัน แพะทั้งสองตัวต่างมีความสุภาพและเกรงใจกันอย่างดียิ่ง ต่างฝ่ายต่างเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายข้ามสะพานมาก่อน แต่ก็ไม่มีฝ่ายใดยอมข้ามสะพานมาเสียที ผลก็คือ ไม่มีแพะตัวใดที่ได้ข้ามสะพานอีกเช่นกัน"
"หลังจากนั้นมีแพะอีกคู่หนึ่งเดินมาจะข้ามสะพานนั้นอีกเช่นกัน แพะตัวแรกกล่าวเชิญว่า 'ขอให้ท่านผู้มีเขางามจงข้ามสะพานมาก่อนเถิด เราจะขอข้ามทีหลังท่าน' แพะตัวที่สองจึงกล่าวตอบว่า 'ขอบคุณท่านผู้มีขนงาม ข้าพเจ้าขอรับน้ำใจจากท่าน' แล้วแพะตัวที่สองก็เดินข้ามสะพานไปจนถึงอีกฝาก ซึ่งแพะตัวแรกยืนอยู่ แล้วแพะตัวแรกก็จึงเดินข้ามสะพานไปอีกฝั่ง"
ิเพลโตเปลี่ยนหน้ากลับมาเป็นของตนเองเหมือนเดิมก่อนจะสรุปว่า "นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การเอาชนะคะคานกันโดยไม่ยอมกัน ย่อมก่อให้เกิดความพินาศแก่ทั้งสองฝ่าย และการไม่กล้าตัดสินใจ ไม่ยอมทำอะไรก็ย่อมไม่เกิดผลสำเร็จอีกเช่นกัน ดังนั้น การตัดสินใจโดยการยอมให้อีกฝ่ายได้กระทำในสิ่งที่ถูกต้องก่อน ย่อมทำให้เกิดผลสำเร็จครับ"
นักเรียนเกือบทุกคนปรบมือ ยกเว้นก็แต่นักเรียนหญิงจากแดนสยามเมืองยิ้มสองคน
ครูวินเซนต์
"ต่อไปขอเชิญพบกับการบรรเลงไวโอลินจากนักเรียนหญิงผู้สืบเชื้อสายมาจากคีตกวีเบโธเฟน 'เรโอนี่ ฟาน เบโทเฟน' ครับ"
นักเรียนเจ้าหญิงจากเยอรมันนีโค้งคำนับก่อนจะบรรจงสีไวโอลินด้วยท่วงท่าที่สง่างาม เสียงบรรเลงเพลงจากไวโอลินสตราดิวาริอุส (Stradivarius) ดังก้องกังวานไปทั่วหอประชุมสะกดให้ทุกคนที่อยู่ในห้องประชุม ตั้งใจฟังจนจบไปถึงสามเพลงโดยไม่มีใครงีบหลับหรือแสดงอาการง่วงเหงาหาวนอนเลยแม้แต่น้อย เมื่อจบเพลงที่สามแล้ว เสียงปรบมือก็ดังกึกก้องไปทั่วหอประชุมเป็นเวลานาน
"เพลงสุดท้ายนี้ ชื่อว่า Deutschlandlied (ดอยท์ชลันด์ลีด)   เป็นเพลงชาติของเยอรมันนีเชียวนะ" นักเรียนเจ้าชายซึ่งสวมหมวกคาวบอยปีกกว้าง และใส่แว่นตาสีชาเอ่ยขึ้น
"มิเอเล่!" ยูริ เหมยฮัว โรซารี่ นาซิสซ่า ตะโกนขึ้นพร้อมกัน
"จุ๊ ! จุ๊ ! ตอนนี้ฉันคือ โฮนิก"
โรซารี่  "เธอมาทำอะไรที่นี่?"
มิเอเล่  "แอบหนีเสด็จพ่อมาน่ะ  เออ เมื่อกี้กล่าวถึงเพลงชาติเยอรมันนีแล้ว รู้ไหมว่า เพลงนี้มีเนื้อร้องที่เยี่ยมมากเลยนะ อย่างเนื้อร้องท่อนแรกมีว่า  'Deutschland, Deutschland über alles,
 Über alles in der Welt,
 Wenn es stets zu Schutz und Trutze
 Brüderlich zusammenhält'

ยูริ       "แปลว่าอะไรหรือเจ้าคะ?"
มิเอเล่/ โฮนิก  "แปลว่า เยอรมันนี เยอรมันนีเหนือทุกสิ่ง
                     เหนือสิ่งอื่นใดในโลกา
                     เพื่อปกปกและรักษา เมื่อแผ่นดินนี้
                     ยังให้เกิดการตั้งมั่นฉันน้องพี่ร่วมกัน"
เหมยฮัว  "ฟังดูรักชาติมากเลยน่อ"
นาซิสซ่า "เพลงชาติฝรั่งเศสก็ปลุกอารมณ์รักชาติเหมือนกันนะ วันหลังจะร้องให้ฟัง"
มิเอเล่/โฮนิก  "ชาวเยอรมันเป็นคนรักพวกพ้อง พวกเขาจะนึกถึงส่วนร่วมในชาติก่อนตนเอง มีความสามัคคีอันดีเยี่ยม นอกจากนี้ชาวเยอรมันยังรักในระเบียบวินัยและความถูกต้อง เห็นได้จากบทเพลงท่อนที่สามที่ร้องว่า
'Einigkeit und Recht und Freiheit
 Für das deutsche Vaterland!
 Danach lasst uns alle streben
 Brüderlich mit Herz und Hand!
 Einigkeit und Recht und Freiheit
 Sind des Glückes Unterpfand;
  Blüh' im Glanze dieses Glückes,
   Blühe, deutsches Vaterland.'
ซึ่งแปลว่า  'สามัคคี ยุติธรรม เสรีภาพ
 เพื่อปิตุภูมิเยอรมันนี !
เพื่อสิ่งเหล่านี้เราจงสู้
 ด้วยดวงใจและสองมือฉันน้องพี่ !
สามัคคี ยุติธรรม เสรีภาพ
 คือคำปฏิญาณแห่งความเจริญ;
   จงรุ่งเรืองด้วยพรแห่งความเจริญนี้เถิด
  จงรุ่งเรืองเถิด ปิตุภูมิเยอรมันนี' "

โรซารี่ นาซิสซ่า เหมยฮัว ยูริ "โอ้โห!"  หลังจากนั้นทั้งสี่คนก็ไต่ถามสารทุกข์สุขดิบของมิเอเล่และองค์ราชาแห่งอาณาจักรพรอบโพลิส โดยไม่รู้เลยว่า ทิวา และราตรี แอบมองพวกเธอทั้งหมดอยู่
*****
กียุล   "นี่ยัยลิงกัง  ฉันจะกลับไปบ้าน อยากได้อะไรเป็นของฝากไหม?"
ทิวาทำเพียงแค่ส่ายหน้า
กียุล   "ยังอารมณ์ไม่ดีอยู่หรือไง ฮึ ! ถ้าอย่างนั้นเอาอย่างนี้ วันหลังจะทำตัวเป็นไกด์พาไปเที่ยวเกาหลีให้หนำใจไปเลย ดีไหม"
ทิวา    "ฉันก็เคยไปเกาหลีแล้วนี่"
กียุล   "ไม่ใช่เกาหลีใต้ แต่เป็นเกาหลีเหนือ"
ทิวา   "เอ๋! ไปได้ด้วยเหรอ เดี๋ยวถูกยิงเป้าหรอก"
กียุล   "ไม่หรอกน่า ฉันจะคุ้มครองเธอเอง อ้าว! หน้าแดงซะแล้ว"
ทิวา    "อย่ามายุ่งกับหน้าของฉันน่า แบร่!" ทิวาแลบลิ้นใส่กียุล
กียุล   "กลับมาเป็นเหมือนเดิมซะแล้ว ถ้าอย่างนั้นเธอกับราตรีก็รีบคืนดีกันซะสิ"
ทิวา    "ไม่ใช่ธุระของนายซักหน่อย"
กียุลถอดแว่นตาออกก่อนจะพูดว่า  "เธอรู้ไหมว่าตอนที่ได้ฟังเพลงชาติของเยอรมันนีน่ะ ฉันมีความหวังนะ  ฉันหวังว่าสักวัน ชาวเกาหลีจะกลับมารวมกันเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง เพราะไม่ว่าจะเป็นเกาหลีเหนือหรือเกาหลีใต้ พวกเราก็เป็นชาวเกาหลีเหมือนกัน มีเพียงความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกันเท่านั้น ชาวเยอรมันยังเคยทลายกำแพงเบอร์ลินมาแล้ว พวกเราชาวเกาหลีก็จะทำเช่นเดียวกัน"
ฮอรัส  "กียุล ได้เวลาขึ้นเรือแล้วขอรับ"
กียุล  "ไปก่อนนะยัยลิง  แล้วเจอกันใหม่"
ทิวายิ้มรับก่อนจะตามไปส่งที่ท่าเรือ หลังจากที่มองเรือที่ลอยลำออกไปจนลับสายตาแล้ว เธอก็หันกลับไปเห็นราตรียืนมองเธออยู่ แล้วเธอก็ตัดสินใจ ยังไงเธอกับราตรีก็เป็นคนชาติเดียวกัน
ทิวา   "ราตรี ฉันว่าเรามาปรับความเข้าใจกันเถอะ"
ราตรีเผยอยิ้มเล็กน้อย เป็นยิ้มที่ดูจริงใจและไม่น่ากลัวเหมือนที่ผ่าน ๆ มา
         "มติตรงกัน"
****
คนไทยเจรจากันได้หรือยังครับ
อ้างอิง
เพลงชาติเยอรมันนี http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%99
นิทานเรื่องแพะสามคู่กับสะพานในเรื่องนี้ ผมดัดแปลงมาจากนิทานที่เคยอ่านสมัยเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาครับ

วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2557

ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นักกฎหมาย ความยุติธรรม ความแตกแยกในสังคมไทย


"ความยุติธรรม คือ เจตจำนงอันแน่วแน่ตลอดกาลที่จะให้แก่ทุกคนในส่วนที่เขาควรจะได้"


๑. มีเพลงหนึ่งที่นักศึกษาจากรั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะได้ร้องตอนที่ไปถวายบังคับอนุสาวรีย์กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์หน้าอาคารศาลฎีกา เพลงนั้นคือ เพลงตราชู ซึ่งมีเนื้อหาดังนี้

                       ตราชู สัญลักษณ์นิติศาสตร์ เป็นเครื่องหมายประกาศ ความบริสุทธิ์ยุติธรรม
                       นิติศาสตร์ คือสมบัติแห่งธรรม พวกเราสุขล้ำ เป็นผู้นำยุติธรรมไปพิทักษ์ประชากร (๑)

ยังมีอีกเพลงหนึ่งที่คนที่ได้ไปเข้าค่ายนักกฎหมายที่จัดโดยกลุ่มศึกษากฎหมายภาคปฏิบัติ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จะได้ร้อง คือ เพลงนิติศาสตร์สมานฉันท์
            ซึ่งมีเนื้อร้องว่า นิติศาสตร์สมานฉันท์วันสุขศรี      สามัคคีชาวเราเหล่าแดงเหลือง
                            ยุติธรรมล้ำเลิศเทิดประเทือง           นามจะเรืองโรจน์อยู่คู่ฟ้าดิน
                            นิติศาสตร์สมานฉันท์มั่นคงไว้         นิติศาสตร์ครองใจใฝ่ถวิล
                            นักกฎหมายมั่นในธรรมค้ำแผ่นดิน  ฝากนามไว้ไม่รู้สิ้นคู่ถิ่นไทย
                            นิติศาสตร์คาดหวังทั้งชายหญิง      รักความจริงดุจตะวันมิหวั่นไหว
                            เทิดในศักดิ์รักในสิทธิ์เป็นนิจไป      ทุกดวงใจแจ่มจ้าสามัคคี (๒)

เพลงเหล่านี้เป็นเพลงปลุกใจให้บรรดานักกฎหมายทั้งหลายได้ใช้วิชาความรู้ทางกฎหมายที่พวกตนได้ร่ำเรียนมาในการประสิทธิ์ประสาทความยุติธรรมให้กับผู้คนในสังคม แต่ในปัจจุบันกลับพบว่านักกฎหมายมีส่วนอย่างมากในก่อให้เกิดความไม่ยุติธรรมในสังคมไทย และยังมีความขัดแย้งในทางความคิดกันอย่างรุนแรง ถึงขั้นแบ่งเป็นฝักฝ่ายเลยทีเดียว

 ๒. โดยดูได้คำพิพากษาของศาลในคดีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเนื่องมาจากสถานการณ์ความขัดแย้งในทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นกรณีของการลงโทษจำคุกผู้ต้องหาที่ทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ อย่างรุนแรง หลายคดี , คำพิพากษาในคดีปราสาทพระวิหาร (ศาลรัฐธรรมนูญ , ศาลปกครอง) , คำพิพากษาลงโทษจำคุกอดีต กกต. ที่จัดคูหาเลือกตั้งผิดทิศ หรือคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการอาศัยพจนานุกรมในการตีความความหมายของคำว่า "ลูกจ้าง" ซึ่งส่งผลให้นายสมัคร สุนทรเวช ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี , การวินิจฉัยคดียุบพรรคการเมือง ที่ยุบพรรคไทยรักไทยและพรรคการเมืองอื่น ๆ แต่ไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ แถมยังอ่านคำวินิจฉัยยาวเหยียดหลายชั่วโมง , การวินิจฉัยว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ ส.ว. มาจากการเลือกตั้งและการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๑๙๐ ของรธน. เป็นการกระทำเพื่อให้ได้อำนาจการปกครองประเทศโดยวิถีทางที่ไม่เป็นประชาธิปไตย (ตรงไหน ?) , รวมถึงการที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบางคนแสดงความคิดเห็นให้รัฐมนตรีไปแก้ปัญหาถนนลูกรังก่อนที่จะทำโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง (พูดทำไม ?) (๓)

๓. คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหลาย ๆ กรณีนอกจากจะสร้างความกังขาให้กับบุคคลหลาย ๆ ฝ่ายในสังคมไทยแล้ว ก็ยังไม่ได้รับการยอมรับทั้งจากนักวิชาการด้านกฎหมาย และจากองค์คณะผู้พิพากษาศาลอาญาที่พิจารณาคดีเรื่องที่ อันเป็นความขัดแย้งระหว่างองค์กรศาลด้วยกัน (๔) และในส่วนของนักกฎหมายที่เป็นนักวิชาการ เป็นอาจารย์สอนกฎหมายก็ยังมีการโต้แย้งกันทั้งในทางด้านการตีความกฎหมายและทางข้อเท็จจริง กรณีการโต้วาทีระหว่างอาจารย์กิตติศักดิ์ ปรกติ กับ อาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนในเรื่องนี้ (๕)
 
๔. ความขัดแย้งระหว่างองค์กรศาล และระหว่างนักกฎหมายทั้งหลายนี้ ทำให้สังคมไทยเกิดความปั่นป่วนกว่าเดิมมาก แทนที่นักกฎหมายจะเป็นผู้หาทางออกให้กับสังคมไทยโดยอาศัยหลักนิติรัฐ หลักนิติธรรม กลับกลายเป็นว่านักกฎหมายบางส่วนกลับนำเสนอการความเห็นทางกฎหมายและตีความกฎหมายในทางที่ก่อให้เกิดผลประหลาด ขัดกับหลักความยุติธรรมและสามัญสำนึกของคนทั่วไปในสังคม
 
๕. นักกฎหมายทั้งหลายเหล่านี้ หลายคนอยู่สำนักเดียวกัน เป็นอาจารย์สอนอยู่ทั้งที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และที่สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา หลายท่านเคยเป็นอาจารย์ผม (ทั้งอาจารย์สมคิด เลิศไพฑูรย์ อาจารย์วรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล อาจารย์จรัญ ภักดีธนากุล อาจารย์กิตติศักดิ์ ปรกติ อาจารย์สถิตย์ ไพเราะ เป็นต้น) หลายท่านผมก็เคยเข้าไปสนทนาด้วย (เช่น อาจารย์สุรพล นิติไกรพจน์ อาจารย์วรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์จรัญ ภักดีธนากุล อาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล เป็นต้น) ซึ่งทุกท่านก็ล้วนแต่เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถทั้งสิ้น แต่ทำไมท่านเหล่านั้นถึงได้วินิจฉัยตีความกฎหมายต่างกันเล่า ทั้ง ๆ ที่หลักกฎหมายก็แน่นอนอยู่แล้ว เป็นเพราะอคติและความไม่ยึดมั่นในหลักการของความถูกต้องของนักกฎหมายบางกลุ่มหรือเปล่า (กลุ่มไหนล่ะ?)
 
๖. นักกฎหมายบางคน เช่น อาจารย์ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ์ ตอนเป็นอาจารย์สอนกฎหมายก็เคยวิพากษ์วิจารณ์องค์กรศาลรัฐธรรมนูญมาก่อน (ใครที่เคยอ่านปกิณกะกฎหมายในวารสารนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และบทความอื่น ๆ ของอาจารย์ก็คงจะทราบ) แต่ปัจจุบันอาจารย์ก็เข้าไปอยู่ในตำแหน่งที่อาจารย์เคยวิพากษ์วิจารณ์ ทั้ง ๆ ที่คนส่วนใหญ่ในสังคมไทยมีข้อสงสัยในการทำหน้าที่และจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดปัจจุบันอยู่ แล้วอาจารย์ทวีเกียรติจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร

๗. ยังมีนักกฎหมายอีกหลายท่านที่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นออกมาให้สาธารณชนทราบอย่างเปิดเผยและไม่ได้แสดงตัวว่าเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เช่น คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นต้น
กระผมมีความเห็นว่านักกฎหมายเหล่านี้ควรที่จะมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งแตกแยกกันระหว่างนักกฎหมายทั้งสองกลุ่ม (คือ กลุ่มที่หนุน กปปส. กับ กลุ่มต้าน กปปส.) และเป็นฝ่ายที่อธิบายหลักการทางกฎหมายที่ถูกต้องและนำความยุติธรรมกลับคืนมาให้แก่สังคมไทยได้

๘. ที่กล่าวมานี้ั กระผมแค่อยากจะชี้ให้เห็นว่า นักกฎหมายมีบทบาทสำคัญในความขัดแย้งในสังคมไทยครั้งนี้อย่างมาก สังคมไทยจะเดินไปทางไหนก็ขึ้นอยู่กับนักกฎหมายทั้งสิ้น  ดังนั้น นักกฎหมายทั้งหลายต้องทำหน้าที่ของตน นักวิชาการและอาจารย์สอนกฎหมายจะต้องยึดมั่นในหลักการทางกฎหมายที่ตนสอนและเผยแพร่หลักการทางกฎหมายที่ถูกต้องให้สาธารณชนรับรู้  ผู้พิพากษา/ตุลาการจะต้องวินิจฉัยอรรถคดีให้เกิดความยุติธรรม
นักกฎหมายที่อยู่ในฝ่ายนิติบัญญัติจะต้องออกกฎหมายที่มีความเป็นธรรมและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม ถ้าทำได้อย่างนี้แล้ว นักกฎหมายก็จะเป็นผู้กอบกู้สถานการณ์ของสังคมไทยที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งแตกแยกให้กลับคืนสู่ความสงบสุขได้ดังที่เคยเป็นมา
 
๙. ขอให้นักกฎหมายทั้งหลายอย่าลืมเนื้อเพลงตราชู และนิติศาสตร์สมานฉันท์ และอย่าลืมนะครับว่าความยุติธรรมคืออะไร
 
                                                                                                    นาย วสุ สรรกำเนิด

อ้างอิง

(๑)  ฟังเนื้อเพลงตราชูได้ที่ http://www.youtube.com/watch?v=j-VZSaCcMWU

(๒) ดูเนื้อเพลงนิติศาสตร์สมานฉันท์ได้ที่

http://www.websuntaraporn.com/suntaraporn/lyric/postlyric.asp?GID=1905

(๓)  โปรดดู http://news.voicetv.co.th/democracycrisis/93476.html

(๔) โปรดดู http://www.pub-law.net/publaw/view.aspx?id=1920 ย่อหน้าที่ขึ้นต้นว่า


จากข้อเท็จจริงตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยที่ 56/2556 ว่าการชุมนุมไม่ได้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ประกอบกับคำวินิจฉัยที่ 66/2556 ระบุว่าการบุกรุกยึดสถานที่ราชการไม่เกิดขึ้นแล้ว และสถานการณ์ได้พัฒนาไปสู่การยุบสภาผู้แทนราษฎรและเข้าสู่การเลือกตั้ง จึงไม่มีมูลเป็นการฝ่าฝืน มาตรา 68 วรรค 1 แห่งรัฐธรรมนูญนั้น แตกต่างจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการไต่สวนของพนักงานสอบสวน เพราะนายสุเทพกับพวกได้ร่วมกันขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายให้ฝ่ายบริหารไม่อาจใช้อำนาจในการบริหารประเทศไทย บุกรุกเข้ายึดสถานที่ราชการ คือ กระทรวงการคลังและศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ทั้งขู่เข็ญ ตัดน้ำ ตัดไฟฟ้า เป็นเหตุให้ข้าราชการไม่กล้าเข้าไปทำงาน หรือเข้าที่ทำงานไม่ได้ อันเป็นการยุยงให้ประชาชนละเมิดกฎหมาย เป็นการมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ดังนั้น คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจึงไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในคดีนี้ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวจึงไม่มีผลผูกพันศาลอาญาให้ต้องฟังข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับศาลรัฐธรรมนูญ

(๕)  ดูคลิปงานเสวนาเรื่อง ''วิกฤตรัฐธรรมนูญ' ไทย 'ใครบิดเบือน'' ได้ที่ http://news.voicetv.co.th/thailand/91281.html

วันพุธที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2557

ขอประชาธิปไตย ขอความสามัคคีของคนไทย เป็นของขวัญปีใหม่

               เนื่องในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๕๗ ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พิทักษ์รักษาชาวไทยและชาวโลกได้โปรดดลบันดาลให้ชนชาวไทยและชนชาวโลกประสบพบแต่ความสุข ความเจริญ ประสบความสำเร็จสมปรารถนาในสิ่งที่ดีงาม พบแต่คนดีมีศีลธรรม อันตรายอย่าได้มาเยือน สุขภาพแข็งแรงกันทุกคน
              
              เนื่องจากในช่วงท้ายปีที่ผ่านมา เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองไทยหลายอย่างอันเกิดจากการกระทำของคนกลุ่มหนึ่งที่สร้างความเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า  ดังนั้น ในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ข้าพเจ้าจึงขอของขวัญปีใหม่ในปีนี้ คือ การปกครองในระบอบประชาธิปไตย และความสามัคคีของคนไทย ซึ่งของขวัญทั้ง ๒ อย่างข้างต้นนั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยคนไทยทุกคนช่วยกันหยุด ฟื้นฟู และรักษา ดังต่อไปนี้

           หยุด

           ๑) หยุดทำลายชาติไทย และทำร้ายคนไทยด้วยกันเอง ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมประท้วงด้วยการปิดถนน ล้อมสถานที่ราชการ ยึดสถานที่ราชการ ชัตดาวน์กรุงเทพฯ ใช้ก้อนหินและเสาธงชาติตีทำร้ายคนไทยด้วยกัน พูดจากล่าวร้ายคนไทยด้วยกัน พูดจาแบ่งแยกคนเมืองออกจากคนชนบท คนใต้ ออกจากคนเหนือ คนอีสาน อันเป็นการสร้างความร้าวฉานขึ้นในสังคม ทำให้คนไทยแตกแยกกัน ทำให้เกิดการประทุษร้ายต่อคนไทยด้วยกัน จนเกิดการบาดเจ็บล้มตาย สูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ทำลายภาพลักษณ์ของประเทศชาติ ทำให้นักท่องเที่ยวและนักลงทุนจากต่างชาติไม่กล้ามาเมืองไทย อันเป็นการทำลายเศรษฐกิจของชาติ

          ๒) หยุดการกระทำที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นการขัดขวางการเลือกตั้ง การล้อมสถานที่รับสมัครเลือกตั้ง การเรียกร้องนายกรัฐมนตรีพระราชทาน การใช้สิทธิเสรีภาพเกินขอบเขต การตั้งสภาประชาชนที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง การพยายามเรียกร้องให้มีการรัฐประหาร การยกเลิกรัฐธรรมนูญ ฯลฯ

         ๓) หยุดทำลายหลักการของกฎหมาย ไม่ว่าจะโดยนักวิชาการที่พยายามอธิบายหลักกฎหมายให้เข้ากับกลุ่มการเมืองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยไม่สนใจความถูกต้อง การวินิจฉัยอรรถคดีโดยลำเอียงเข้าข้างฝ่ายหนึ่งอย่างชัดแจ้ง การตรากฎหมายที่ขัดต่อสามัญสำนึกและขัดต่อหลักความยุติธรรม ทำลายประเพณีของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย การไม่เคารพและไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย

         ๔) หยุดดึงสถาบันพระมหากษัตริย์มาเข้าข้างฝ่ายการเมือง อันเป็นการทำให้คนมองว่าพระมหากษัตริย์ไม่เป็นกลางทางด้านการเมือง และทำให้คนจำนวนมากเสื่อมความศรัทธาในองค์พระเจ้าแผ่นดิน เป็นการทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ในระยะยาว

         ๕) หยุดการบีบบังคับให้ผู้อื่นต้องคล้อยตามความเห็นของตน ขอให้นึกถึงนิทานเรื่องที่ดวงอาทิตย์กับลมพายุแข่งกันให้ชายคนหนึ่งถอดเสื้อคลุมออก การใช้กำลังของลมพายุที่พยายามบังคับให้เสื้อคลุมปลิวหลุดจากตัวของชายคนนั้นไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากถูกต่อต้านจากชายคนนั้นอย่างสุดกำลัง ในขณะที่ดวงอาทิตย์ใช้วิธีการที่ไม่เป็นการคุกคามจนชายคนนั้นยอมถอดเสื้อคลุมออกเอง ฉันใดก็ฉันนั้น การบีบบังคับผู้อื่นให้ต้องคล้อยตามฝ่ายตนโดยใช้กำลังและสร้างความปั่นป่วนแก่บ้านเมืองนั้น ย่อมถูกต่อต้านจากคนจำนวนมาก ควรใช้วิธีการที่ชาญฉลาดในการโน้มน้าวให้ประชาชนมาเข้าข้างฝ่ายของตนดังวิธีการของดวงอาทิตย์ดีกว่า

         ฟื้นฟู
        
        ๑) ฟื้นฟูความสัมพันธ์และความสมัครสมานสามัคคีระหว่างคนไทยด้วยกัน ด้วยการเปิดเวทีเจรจา ปรับความเข้าใจระหว่างคนไทยที่เคลื่อนไหวทางการเมืองกลุ่มต่าง ๆ ชี้แจงให้เห็นโทษของการแตกสามัคคี เผยแพร่บทความที่นำเสนอทางออกให้แก่ประเทศ  ป้องกันไม่ให้มีการพูดจายั่วยุ ส่อเสียด หยาบคาย เพ้อเจ้อ ส่งเสริมให้มีการออกบทความ บทละคร การ์ตูน หรือเพลงที่เน้นให้คนไทยเห็นใจกัน รักใคร่สามัคคีกัน
     
       ๒) ฟื้นฟูประเทศชาติที่ได้รับความเสียหายจากความขัดแย้งในสังคมที่ผ่านมา ด้วยการเยียวยาบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งที่ผ่านมา ร่วมมือร่วมใจกันพัฒนาประเทศชาติ ตั้งใจทำงานเพื่อให้การเมือง เศรษฐกิจและสังคมของประเทศกลับมามีเสถียรภาพดังเดิม
 
       ๓) ฟื้นฟูหลักนิติรัฐและฟื้นฟูประชาธิปไตย โดยการยึดมั่นในหลักของความยุติธรรมและหลักกฎหมายในการวินิจฉัยคดีข้อพิพาท ยกเลิกกฎหมายที่ออกมาหลังการรัฐประหาร แก้ไขกฎหมายที่ออกมาโดยไม่เป็นธรรม ปฏิเสธการดำเนินการแบบเลือกปฏิบัติ หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องต้องปฏิบัติหน้าที่ภายในกรอบของกฎหมาย ไม่ล่วงละเมิดกฎหมาย ไม่แทรกแซงการทำงานของฝ่ายอื่น ไม่ทำตนเป็นองค์กรเหนือรัฐธรรมนูญ เชื่อมั่นในวิถีทางสันติและวิถีของประชาธิปไตย ปลูกฝังการปกครองในระบอบประชาธิปไตยให้กับผู้คนกลุ่มต่าง ๆ ในสังคมไทย
 
      รักษา

      ๑) รักษาสถาบันหลักของประเทศให้ดำรงมั่นคงอยู่คู่กับสังคมไทย มีจิตสำนึกต่อส่วนรวม ไม่กระทำการใดที่จะเป็นการบั่นทอนหรือทำลายชาติ พระพุทธศาสนา และพระมหากษัตริย์

     ๒) รักษารัฐธรรมนูญ หลักกฎหมาย ศีลธรรม ประเพณีที่ดีงาม ด้วยการมีวินัย เคารพกฎหมาย ไม่ละเมิดกฎหมาย ยึดความยุติธรรมและความถูกต้องเป็นหลัก ไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น รักษามารยาทในสังคม รู้จักการเจรจา ประนีประนอมในสิ่งที่สามารถประนีประนอมได้ แต่ต้องไม่ยอมให้มีการกระทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

     ๓) รักษาการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งให้สิทธิเสรีภาพและหลักประกันที่เป็นธรรมแก่ราษฎรทั้งหลาย ทุกคนจะต้องมีส่วนร่วมในการเมืองการปกครองด้วยการคอยช่วยกันคัดกรองคนดีเข้าสู่การเมือง (ทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่น) ไปเลือกตั้งทุกครั้งที่มีโอกาส คอยตรววจสอบผู้แทนราษฎรและฝ่ายรัฐบาล ใช้สิทธิต่าง ๆ ที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้อย่างสร้างสรรค์ ไม่ยอมรับการใช้อำนาจนอกวิถีทางการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ไม่เรียกร้องการรัฐประหาร

       ปีใหม่แล้ว มาสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมที่น่าอยู่ เป็นสังคมแห่งประชาธิปไตย เป็นสังคมแห่งนิติรัฐ เป็นสังคมที่มีความเสมอภาคยุติธรรม ปีใหม่นี้ขอประชาธิปไตย ขอความสามัคคีของคนไทย เป็นของขวัญปีใหม่ เพื่อสังคมไทย เพื่อคนไทยทุกคนนะครับ