"เลดี้ทั้งหลายคะ กรุณาตามครูมาทางนี้ค่ะ" เสียงของครูประจำชั้นคลาสพริ้นเซส ห้อง E ดังขึ้น ทำให้เด็กในชั้นเรียนดังกล่าวที่กำลังเดินคุยกันอยู่อย่างสนุกสนานต้องรีบติดตามคุณครูเจ้าระเบียบไปเข้าแถวอยู่ตรงบริเวณหน้าประตูทางเข้าศาลเจ้านิกโก โทโชกุ
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาครูมารี กีมาร์ ได้พานักเรียนประจำคลาสของเธอมาทัศนศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่น โดยไปทั้งที่เกียวโต นารา โอซาก้า ชิราคาวาโกะ ภูเขาไฟฟูจิ และในวันนี้ก็ได้มาที่เมืองนิกโก้ เมืองอันเป็นสถานที่ตั้งของมรดกโลกอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น
หลังจากที่นักเรียนทุกคนได้บัตรผ่านไปแล้ว ทั้งหมดก็ได้เข้ามาภายในบริเวณของศาลเจ้าแห่งนี้
ครูมารีแนะนำให้นักเรียนได้รู้จักกับ
มัคคุเทศก์ท้องถิ่นที่จะนำชมและอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ของศาลเจ้าแห่งนี้ให้บรรดานักเรียนได้ฟัง
"อาคารหลังนั้นสวยจังเลย" เสียงของเลดี้แห่งลา ฟลอร่า ดังจ้อกแจ้ก พลางชี้นิ้วไปยังอาคารสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ภายในบริเวณศาลเจ้าที่ล้วนแล้วแต่ประดับประดาด้วยสีสันต่าง ๆ อย่างสวยงาม หลายวันมานี้พวกเธอได้เห็นสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ที่สวยงามในประเทศญี่ปุ่นมาแล้ว แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะทึ่งกับความสวยงามของศาลเจ้าแห่งนี้
"สมแล้วที่ได้เป็นมรดกโลก" นักเรียนหญิงผมหางม้าจากเมืองไทยผู้มีแมวดำอยู่บนหัวของเธอเอ่ยชม คำชมนั้นทำให้เด็กหญิงผมยาวสีเขียวจากประเทศญี่ปุ่นรู้สึกภาคภูมิใจอย่างมาก สังเกตได้จากนัยน์ตาของเธอที่เปล่งประกายสดใสออกมา
"เอ้ามาทางนี้กันเร็ว" เสียงของ
มัคคุเทศก์สาวท้องถิ่นเรียกให้นักเรียนทั้งหมดไปรวมแถวกันอยู่ที่หน้าประตูคูงูริมง (Kugurimon Gate) เมื่อนักเรียนมากันครบแล้ว มัคคุเทศก์ก็ชี้ให้นักเรียนทั้งหลายดูรูปแมวที่แกะสลักอยู่ตรงเหนือประตูดังกล่าว "นั่นเรียกว่าเนมูริ เนโกะ หรือ แมวนิทรา ค่ะ"
"เป็นแมวที่สวยดีนะยูริ"
"แน่อยู่แล้วล่ะเจ้าค่ะ คุณทิวา"
"นี่ถ้าไม่ได้มาทัศนศึกษาที่นี่แล้วล่ะก็ ก็คงไม่ได้เห็นแมวนอนหลับที่แกะสลักได้อย่างสวยงามแบบนี้แน่"
"อย่างเธอส่องกระจกก็เห็นแมวนอนหลับแล้วล่ะย่ะ" เด็กหญิงผมทองจากประเทศฝรั่งเศสเอ่ยแขวะ
"ก็เหมือนกับทองม้วนที่อยู่บนผมของเธอไม่ใช่เรอะ" ทิวาแขวะกลับ
"โฮะ! โฮะ! โฮะ! แล้วถ้าอยากจะเห็นหางม้าดีดกะโหลกล่ะก็ดูที่เธอก็พอ" เด็กหญิงผมทองเอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้
โป๊ก! โป๊ก! เสียงไมค์ลอยมากระทบหัวสองเด็กสาวทั้งสองเข้ามาอย่างจัง
"เลดี้ทิวา เลดี้นาซิสซ่าคะ กรุณาอย่าคุยกันในระหว่างที่มัคคุเทศก์บรรยายอยู่นะคะ" ครูมารี พูด
นักเรียนหญิงทั้งสองหุบปากลงทันที แต่เมื่อมัคคุเทศก์เดินนำนักเรียนไปที่โรงม้าหลวงเพื่อไปดูภาพสลักลิงอันโด่งดัง ทั้งสองก็มีเรื่องทะเลาะกันอีก
"เลดี้ทุกคนดูที่ภาพนั้นนะคะ" มัคคุเทศก์สาวชี้ให้ดูภาพสลักรูปลิง ๓ ตัว "ตัวที่ปิดตาอยู่ชื่อว่า
มิซะรุ ตัวที่ปิดหูอยู่ชื่อว่า
คิกะซะรุ และตัวที่ปิดปากอยู่ชื่อว่า
อิวะซะรุ ค่ะ ลิงทั้งสามตัวเป็นสื่อบอกว่าเราไม่ควรที่จะได้ดู ได้ฟัง หรือได้พูดในสิ่งที่ชั่วร้ายค่ะ"
"ภาพลิงนี่ก็สวยเหมือนกันนะ" ทิวาหันไปพูดกับยูริ
"แหงอยู่แล้วล่ะก็เพื่อนเธอไม่ใช่เหรอ ยัยลิงกัง" นาซิสซ่าเริ่มก่อนอีกแล้ว
"อย่างน้อยลิงอย่างพวกฉันก็ได้รับเกียรติให้เป็นภาพสลักประจำศาลเจ้า ไม่เหมือนกิ้งก่าอย่างเธอที่ไม่มีใครเขาเอามาก็แล้วกัน แบร่!" ทิวาแขวะกลับได้แรงทีเดียว
"ใครเป็นกิ้งก่ากันยะ! แฮ่!" นาซิสซ่าคำราม
โป๊ก! โป๊ก! "เอามะเหงกอีกไหมคะ เลดี้" ครูมารีพูดหลังจากที่แจกมะเหงกให้กับลิงกังผมหางม้ากับกิ้งก่าผมทองม้วนแล้ว
"คุณทิวา คุณนาซิสซ่า" ยูริแสดงความเป็นห่วงเพื่อนทั้งสอง
"เฮ้อ พวกลื๊อนี่ทะเลาะกันอยู่ได้น่อ" เด็กหญิงจากเมืองจีนที่ชื่อเหมยฮัวพูดขึ้นมาบ้างหลังจากทนดูพฤติกรรมของเพื่อนมาตั้งนาน
"ก็ยัยกิ้งก่านั่นเริ่มก่อนนี่" ทิวาพูดพลางเอามือกุมหัวที่โนอยู่
"หลายวันมานี่ก็เอาแต่ทะเลาะกันจนโดนทั้งไมค์ลอยทั้งมะเหงกมาหลายรอบก็ยังไม่ยอมหยุดกันสักที เป็นเพื่อนกันแท้ ๆ น่อ"
"ใครจะเป็นเพื่อนกับลิงกังกันยะ แล้วหล่อนมายุ่งอะไรด้วย" นาซิสซ่าแหวกลับ
"อ้าว อ้าว มาหาเรื่องกับอั๊วะเรอะ เดี๋ยวเจอหมัด" เหมยฮัวถลกแขนเสื้อข้างซ้ายขึ้นเตรียมพร้อม
"นี่พวกเธอ เกรงใจครูมารีและไกด์ท้องถิ่นมั่งสิ" สาว
อังกฤษมาดเท่ผู้มีนามว่า โรซารี่พูดขึ้น
"อย่าทะเลาะกันเลยนะเจ้าคะ ยูริขอร้อง"
ถ้าใครมองที่หน้าครูมารีตอนนี้ก็จะรับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาอย่างน่าขนลุก แต่สักพักรังสีนั้นก็หายไปจากใบหน้าของครูประจำชั้นผู้เข้มงวดแล้ว แต่กลับปรากฏรอยยิ้มอันแสนเจ้าเล่ห์ขึ้นมาแทน
'เอาแบบนี้ก็ได้ ทดลองสิ่งนั้นเลยดีกว่า'
หลังจากการทัศนศึกษาจบลง นักเรียนทั้งหมดได้กลับไปพักที่เรียวคัง กินอาหารเย็นกันเรียบร้อยแล้วก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำอาบท่าแล้วเข้าห้องพักผ่อนของกลุ่มตน ห้องที่ยูริและเพื่อนสนิทของเธออยู่กันนั้นพักได้เพียงแค่สี่คนเท่านั้น ดังนั้น โรซารี่จึงไม่นอนอยู่ห้องเดียวกันกับพวกเธอ วันนี้พวกเธอต้องนอนกันเร็วหน่อยเพราะพรุ่งนี้จะต้องรีบเดินทางไปยังโตเกียวแล้ว
"ราตรีสวัสดิ์นะเจ้าคะ" ยูริกล่าวต่อเพื่อนทั้งสามก่อนที่จะดึงผ้าห่มมาคลุมร่างของเธอ
"ราตรีสวัสดิ์ยูริ เหมยฮัว ยัยกิ้งก่า"
"ราตรีสวัสดิ์น่อ"
"ราตรีสวัสดิ์ยัยลิงกัง"
ทั้งหมดนอนหลับสนิทอย่างรวดเร็ว หลังจากเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง ประตูเลื่อนห้องนอนของพวกเธอก็เปิดออกอย่างเงียบ ๆ ครูประจำชั้นของพวกเธอก้าวเข้ามาในห้องนอน ในมือของเธอมีน้ำหอมขวดเล็กอยู่หนึ่งขวด และมีผ้าปิดปากปิดจมูกอยู่ที่ใบหน้า
ป๊อก! เสียงเปิดจุกขวดดังขึ้นก่อนที่กลิ่นน้ำหอมจะฟุ้งส่งกลิ่นหอมอันแสนรัญจวญใจไปทั่วห้องนอนของเด็กหญิงทั้งสี่คน ครูมารีค่อย ๆ ก้าวออกจากห้อง ปิดประตูเลื่อน ปิดจุกขวดน้ำหอมแล้วจึงถอดผ้าปิดปากปิดจมูกออก ก่อนที่จะพูดเบา ๆ ขึ้นว่า "ฝันดีนะคะ เลดี้ ฮิ ฮิื ฮิ"
กลิ่นของน้ำหอมที่ฟุ้งขึ้นมาในห้อง ทำให้เด็กสาวญี่ปุ่นรู้สึกประหลาดใจกับกลิ่นดังกล่าว เธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้นจ้องมองฝ่าความมืดออกไป 'กลิ่นอะไรน่ะ' เธอตัดสินใจไปปลุกเพื่อนเธอ "คุณทิวาเจ้าคะ ตื่นเถอะค่ะ ยูริได้กลิ่นอะไรก็ไม่รู้ ว้าย! ทำไมคุณทิวาเป็นอย่างนี้ล่ะเจ้าคะ"
"มีอะไรหรือยูริ" ทิวางัยเงียตื่นขึ้นมา "โวยวายไปได้ เจี๊ยก!" เอ๊ะ! ทำไมเสียงของเราเป็นอย่างนี้
ทิวารีบเปิดไฟแล้วส่องกระจกดู
"นี่ไม่ใช่เรื่องจริงใช่มั๊ย เจี๊ยก!"
"หนวกหูจริงๆ เลยนะยะ ยัยลิงกัง เจี๊ยก!"
"พวกลื๊อเสียงดังกันจังน่อ เจี๊ยก!"
"คุณทิวา คุณนาซิสซ่า คุณเหมยฮัว...ทำไมถึงกลายเป็นลิงกันหมดล่ะเจ้าคะ" ยูริอยากตะโกนจริง ๆ (ก็ตะโกนแล้วไง)
ลิงทั้งสามตัวทำหน้าเหรอหรา แต่เมื่อมองเห็นตนเองในกระจกเงาก็ ช็อก! บอกได้คำเดียวว่า ช็อก!
"ลิง งั้นเหรอ" เสียงทุ้มลึกกังวานน่าขนลุกดังขึ้น โครม! ประตูห้องถูกกระแทกจนพังออกมาเผยให้เห็นยักษ์ญี่ปุ่นตัวใหญ่ผิวกายสีแดงถือกระบองหนามอันโต "ข้าชอบเนื้อลิง มาให้ข้ากินเสียดี ๆ" ยักษ์ตนนั้นย่างสามขุมเข้ามาหาพวกยูริ
"อย่านะเจ้าคะ" "ทำไงกันดี เจี๊ยก!"
"อย่าแตะต้องเด็กพวกนั้นนะเจ้าปีศาจ" เสียงอันทรงอำนาจดังขึ้น ยักษ์ตนนั้นถึงกับประหม่าขึ้นมาทันที
"ทะ ทะ ทะ ท่านโชกุน" ยักษ์ละล่ำละลักตอบ "ข้าเปล่านะ ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเด็กพวกนั้นนะขอรับ"
"ออกไปให้พ้น อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าของเจ้าอีกเป็นอันขาด" โชกุนตวาดเสียงดังลั่น
"ขอ..ขอ.. ขอรับ ข้าไปล่ะ" ยักษ์ตนนั้นรีบแจ้นออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
"พวกเจ้าปลอดภัยดีนะ" โชกุนหันมาถามพวกยูริ
"ขอบคุณมากเจ้าค่ะ ท่านโชกุน"
"โชกุนเหรอ เจี๊ยก!" ลิงสามตัวร้องขึ้นพร้อมกัน
"ขอแนะนำตัวนะเด็กน้อย ข้าชื่อว่าโตกุกาว่า อิเอะยาสุ"
"หา!!!" "เจี๊ยก!"
ทั้งสี่ตะลึงกับบุคคลที่อยู่ตรงหน้า นี่เขาแนะนำตัวว่าเป็นโชกุนผู้ให้กำเนิดยุคเอโดะอย่างนั้นเหรอ
"เอาละ เราไม่มีเวลาแล้ว ต้องรีบไปกันแล้ว" โชกุนโตกุกาว่าจับมือของยูริลากออกไปจากห้องนอน
"ไปไหนกันเจ้าคะ" ยูริถาม
"ไปที่ศาลเจ้านิกโกโทโชกุ" โชกุนตอบ
"ไปทำไมกันล่ะ เจี๊ยก!" ลิงทิวาถาม
"เพราะที่นั่นมีตุลาการลิงสามตัวอยู่ และพวกเขาเท่านั้นที่จะถอนคำสาปให้กับพวกเจ้าได้ แต่ต้องก่อนพระอาทิตย์ขึ้นเท่านั้น ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าจะอยู่ในร่างลิงนี่ตลอดไป เพราะฉะนั้น ตามข้ามาเร็ว"
ไม่มีใครติดใจจะไต่ถามอะไรอีกต่อไป ทั้งหมดเร่งรุดตามโชกุนออกไปโดยไม่มีเวลาแม้แต่จะเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่อย่างน้อยยูริก็ไม่ลืมสวมถุงเท้าและรองเท้าของเธอ
ทั้งหมดออกจากเรียวคังไปแล้วลัดเลาะไปตามถนนสายต่าง ๆ ก่อนจะเดินผ่านเข้าไปในป่า
"ระวังตัวด้วย แถวนี้มีพวกภูติผีปีศาจอยู่เยอะ พวกมันชอบกินเด็กและลิงมาก ทางที่ดีพวกเจ้าต้องเงียบทำเป็นไม่ได้ยินอะไรจะดีที่สุด" โชกุนแห่งยุคเอโดะกล่าว
ทั้งหมดเดินไปอย่างเงียบกริบที่สุดเท่าที่จะทำได้ เนื่องจากข้างทางตามสุมทุมพุ่มไม้มีพวกภูติผีญี่ปุ่นจำนวนมากกำลังตั้งวงพูดคุยกันอยู่
"เฮ้! เมื่อบ่ายนี้ข้าเจอพวกนักเรียนที่มาทัศนศึกษาที่ศาลเจ้าทะเลาะกันด้วยละ" ผีรองเท้าแตะพูดขึ้น
"งั้นเหรอ เรื่องมันเป็นอย่างไรล่ะ" ปีศาจจิ้งจอกถาม
"ก็เจ้าเด็กผู้หญิงผมทองเป็นฝ่ายหาเรื่องเด็กผู้หญิงผมหางม้า แล้วก็เลยมีการต่อปากต่อคำกันขึ้น ภายหลังเด็กหญิงผมทรงซาลาเปาก็ถูกดึงเข้ามาอีกคน" ผีรองเท้าแตะอธิบาย
"เจ้าพวกเด็กสมัยนี้ก็นิสัยไม่ดีแบบนี้แหละ ข้าถึงไม่ชอบ" ผีร่มพูดขึ้นบ้าง
"แล้วรู้ไหมว่าเจ้าเด็กสองคนที่ทะเลาะกันน่ะโดนครูทำโทษจนหัวโนเลย" ผีรองเท้าแตะเล่าต่อ
"ก็สมควรแล้วนี่" ผีร่มตอบ
"เจ้าเด็กคนที่หาเรื่องก่อนนี่ก็ดูเป็นพวกหยิ่งยโสเหลือเกิน ข้าสังเกตดูแล้วคงเป็นพวกคุณหนูทำอะไรไม่เป็น วัน ๆ คงมีแต่ชี้นิ้วสั่งคนอื่นละมั้ง" ผีรองเท้าแตะแสดงความเห็น
"แล้วยังปากไม่ดีอีกด้วย เป็นพวกไม่มีอะไรดีเลย แม้แต่เพื่อนก็ไม่มี โตขึ้นคงหาแฟนไม่ได้แน่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า" ปีศาจจิ้งจอกหัวเราะอย่างเย้ยหยัน ทำให้ผีรองเท้าแตะพลอยหัวเราะไปด้วย
"ใช่แล้ว เด็กงี่เง่าพรรค์นั้นโตขึ้นจะมีอนาคตได้อย่างไร" ผีร่มตอบ
"ฉันไม่ใช่เด็กงี่เง่าที่ทำอะไรไม่เป็นหรอกนะยะ เจี๊ยก!" ลิงนาซิสซ่าโพล่งออกมาต่อหน้าพวกปีศาจ
"ใช่แล้วเจ้าค่ะ คุณนาซิสซ่าไม่ใช่เด็กไม่ดีอย่างที่พวกคุณวิจารณ์กันนะเจ้าคะ" ยูริซึ่งตอนนี้ยืนอยู่ต่อหน้าพวกปีศาจกล่าวขึ้นบ้าง
"ถึงแม้คุณนาซิสซ่าจะดูเป็นคนหยิ่งและปากร้าย แต่จริง ๆ แล้วคุณนาซิสซ่ามีจิตใจที่อ่อนโยน และรักเพื่อนฝูงเหมือนกันนะเจ้าคะ และเธอก็มีความสามารถมาก ทำอาหารได้เก่ง และมีความรู้ในเรื่องต่าง ๆ อย่างดีเลย เพราะฉะนั้น ขอให้พวกคุณถอนคำพูดด้วยเถอะเจ้าค่ะ"
โอ้โฮ พูดได้เท่สุด ๆ เลยยูริ พวกปีศาจอึ้งไปเลย แต่สักพัก
"ลิง" "เด็กผู้หญิง" "ของโปรด!!!"
"ว้าย !! คุณนาซิสซ่าหนีเร็วเข้าเจ้าค่ะ" ยูริรีบลากลิงนาซิสซ่าวิ่งออกไป
"มาให้กินซะดี ๆ " ปีศาจทั้งสามตะโกน
เสียงชักดาบออกจากฝักที่ดังขึ้น ทำให้พวกปีศาจหยุดอยู่กับที่ทันที
"โอ้! ท่านโชกุน พะ... พะ... พวกข้าไม่ได้ตั้งใจ นะ... นะ...ขอรับ" ปีศาจจิ้งจอกละล่ำลักตอบ
สีหน้าของท่านโชกุนแสดงความดุดันออกมาให้เห็น
"พวกข้า ไป... ไป.... ก่อน ละ ขอรับ" เสียงของผีรองเท้าแตะฟังออกว่ากำลังหวาดกลัว แล้วปีศาจทั้งสามตนก็หนีหายเข้าไปในป่า
ท่านโชกุนเก็บดาบเข้าฝัก แล้วหันมาทางยูริกับลิงนาซิสซ่า
"ข้าบอกแล้วไง ว่าให้เงียบไว้น่ะ"
"ขอโทษค่ะ" ยูริกล่าว ในขณะที่ลิงทิวาและลิงเหมยฮัวก็กำลังปลอบขวัญลิงนาซิสซ่าอยู่
"เอ้า! รีบไปกันได้แล้ว" ท่านโชกุนกล่าว
ทั้งหมดจึงออกเดินทางกันอีกครั้ง และแล้วทางขึ้นศาลเจ้าก็ปรากฏให้เห็นในระยะสายตา แต่ปัญหาก็คือ มีแมวตัวหนึ่งนอนขวางทางอยู่ ขอย้ำอีกครั้ง มีแมวตัวหนึ่งนอนขวางทางอยู่
"ท่านโชกุน นั่นมันแมวที่อยู่เหนือประตูคูงูริมงใช่ไหมเจ้าคะ?"
ท่านโชกุนพยักหน้า
"แล้วทำไมตัวมันถึงใหญ่ขนาดนั้นล่ะเนี่ย เจี๊ยก!" ลิงเหมยฮัวคราง ก็เจ้าแมวที่ว่าตัวมันใหญ่ยังกับยักษ์เลย
"ชู่! เจ้านี่มันไม่ชอบให้ใครมารบกวนเวลานอนของมัน คราวนี้พวกเจ้าต้องเงียบจริง ๆ แล้วล่ะ" ท่านโชกุนชะเง้อมองสำรวจทางข้างหน้าแล้วก็กระซิบบอกยูริกับพวกลิงเพื่อนของเธอว่า "พอมีทางลอดไปได้ พวกเจ้าตามข้ามาแบบเงียบ ๆ นะ"
ทั้งหมดค่อย ๆ ย่องผ่านหน้าเจ้าแมวยักษ์ไป ก่อนที่จะอ้อมไปทางด้านหลัง เจ้าแมวยักษ์ยังคงหลับอย่างสบายใจ ทำให้ทั้งหมดโล่งอกไปได้บ้าง ตอนนี้ก็มาถึงตรงทางเข้าศาลเจ้าแล้ว การได้มาเยี่ยมชมแหล่งมรดกโลกในยามค่ำคืนเช่นนี้ จะให้บรรยากาศที่แตกต่างไปจากตอนกลางวันอย่างไรบ้างหนอ แต่ตอนนี้พวกเขาไม่มีเวลามาชื่นชมความงดงามของศาลเจ้าแล้ว เพราะพวกเขามีภารกิจรีบด่วนในการช่วยเพื่อน และตอนนี้ก็ใกล้เช้าเข้าไปทุกขณะแล้ว
"คุณทิวา คุณเหมยฮัว คุณนาซิสซ่า เรามาถึงแล้วค่ะ อ้าว! คุณทิวาไปไหนล่ะเจ้าคะ"
คุณทิวาหรือลิงทิวาก็กำลังจ้องมองพวกขนมโมจิและไดฟูกุที่กำลังลอยล่องอยู่ตรงหน้าของเธอนั่นไงล่ะ และยังมีเหล้าสาเกที่ทิวาคิดว่ารสชาติน่าจะดีเยี่ยมอยู่อีกด้วย คิดดังนั้นลิงทิวาจึงเอื้อมมือออกไปหมายจะหยิบเอาขนมทั้งสองชนิดและเหล้าสาเกมาดื่มกินเสียให้หายอยาก
"ไม่ได้นะเจ้าคะ คุณทิวาอย่าไปแตะต้องอาหารนั้นนะเจ้าคะ" ยูริตะโกนเสียงดัง และนั่นคือความผิดพลาดของเธอ เพราะว่าตอนนี้เจ้าแมวยักษ์ที่หลับอยู่ได้ลืมตาขึ้นและหันมาจ้องมองที่พวกเธอแล้ว
"ไอ้หยา งานเข้าแล้ว เจี๊ยก!" ลิงเหมยฮัวคราง
"เธอไปปลุกมันทำไมยะ เจี๊ยก!" ลิงนาซิสซ่าหันไปต่อว่ายูริ ก่อนที่จะหันไปด่าลิงทิวา "เพราะเธอแท้ ๆ ยัยลิงกัง เจี๊ยก!"
"เมี๊ยว !!!" เจ้าแมวร้องเสียงน่าขนลุก ก่อนที่จะกระโจนเข้าหายูริและพวก
"กรี๊ด!!!!!"
เสียงเพลงกล่อมให้หลับดังขึ้น ก่อนที่เจ้าแมวนั่นจะค่อย ๆ เคลิ้มแล้วก็หลับลงไปอีกครั้ง
"พวกเจ้าก่อเรื่องอีกแล้วรึ ไม่ฟังที่ข้าพูดเลยนะ" โชกุนตำหนิ "ข้าต้องขอบใจเจ้ามากที่ช่วยร้องเพลงกล่อมให้เจ้าแมวยักษ์นั่นหลับไป"
"ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ท่านโชกุน" นกสีแดงเพลิงตัวหนึ่งที่บินอยู่ใกล้ ๆ กับท่านโชกุนกล่าวตอบ
"เราไปกันต่อเถอะ คราวนี้ห้ามสนใจอะไรทั้งสิ้น ตามข้ามาอย่างเดียว" โชกุนกำชับอย่างหนักแน่น ยูริและเพื่อนลิงของเธอก็พยักหน้ารับรองอย่างแข็งขัน
ทั้งหมดเดินเข้าไปในบริเวณศาลเจ้าที่ตอนนี้ เต็มไปด้วยงานรื่นเริงของพวกวิญญาณที่ทำงานอยู่ที่ศาลเจ้า รูปสลักอันสวยงามที่เห็นในเวลากลางวัน บัดนี้ได้ออกมาล้อมวงเฮฮาอยู่ตามจุดต่าง ๆ
"ข้ามี ๖ โพธิ์แดง"
"ส่วนข้ามี ๘ โพธิ์ดำ"
"ฮ่า ฮ่า ข้ามีเอซ ข้าชนะแล้ว พวกเจ้าจ่ายข้ามาซะดี ๆ" รูปสลักนกยูงพูดขึ้น
"เฮ้ย ! พวกลื๊อเล่นการพนันเหรอน่อ นิสัยไม่ดีเลยนะ เจี๊ยก!" ลิงเหมยฮัวพูดสอดเข้ามา
"แกเป็นใคร มายุ่งอะไรกับพวกเราหา!" พวกรูปสลักที่กำลังเล่นไพ่พนันกันย่างสามขุมมาหมายจะจัดการลิงเหมยฮัว
ซวยอีกแล้ว
"อย่าทำร้ายเพื่อนของยูรินะเจ้าคะ" ยูริเข้าไปขวางไม่ให้พวกรูปสลักเข้าไปทำร้ายเพื่อนของเธอ
"หลีกไป! เจ้าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้"
"ไม่! ไม่! ยูริไม่ปล่อยให้พวกคุณทำร้ายเพื่อนของยูริหรอกเจ้าค่ะ"
"นั่นพวกเจ้าทำอะไรกัน" เสียงอันทรงอำนาจที่ไม่ใช่เสียงของท่านโชกุนดังขึ้น "บังอาจเล่นการพนันในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เหรอ"
พวกรูปสลักแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง
"พวกท่านคือ" ยูริพูดขึ้นเมื่อเห็นลิงยักษ์สามตัวเดินมาทางตน
"ตุลาการลิงสามตัวยังไงล่ะ" โชกุนตอบ นี่ก็คือลิงสามตัวที่ปรากฏเป็นรูปสลักที่พวกเธอเห็นเมื่อตอนกลางวันนั่นเอง
"สวัสดีขอรับท่านโชกุน" อิวะซะรุกล่าว ในขณะที่คิกะซะรุโค้งคำนับท่านโชกุน
"พวกเจ้ามาทำธุระอะไรที่นี่ในเวลานี้" มิซะรุหันไปถามยูริและเพื่อน
"เด็กพวกนี้ต้องการความช่วยเหลือ" โชกุนตอบ
"ถ้าอย่างนั้น เราไปที่โรงม้าหลวงกันก่อนเถอะ" มิซะรุพูดแล้วเดินนำหน้าไป
เมื่อทั้งหมดไปถึงที่โรงม้าหลวงก็เป็นเวลาตีห้าสิบห้านาทีแล้ว เหลือเวลาอีกไม่นานก็จะเช้า ยูริจึงรีบบอกความต้องการของเธอออกมา
"ได้โปรดช่วยเพื่อนของยูริให้คืนร่างเดิมด้วยเถอะเจ้าค่ะ" ยูริขอร้องอย่างสุภาพ
"พวกข้าคงทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก" มิซะรุตอบ
"ทำไมล่ะเจ้าคะ?"
"ก็เจ้าพวกนี้มาแสดงกิริยาไม่สุภาพต่อหน้าพวกข้า แล้วอีกอย่างพวกเจ้าก็ไม่ผ่านบททดสอบด้วย" อิวะซะรุตอบ
"บททดสอบ บททดสอบอะไรกันน่ะ เจี๊ยก!" ลิงเพื่อนยูริทั้งสามตัวถาม
"ก็บททดสอบที่ท่านโชกุนบอกให้พวกเจ้าปฏิบัติในระหว่างที่เดินทางมาที่ศาลเจ้านี่นะสิ พวกเจ้าไม่ผ่านหมดเลย" คิกะซะรุพูดขึ้นบ้าง
"ตอนที่ท่านโชกุนขอให้พวกเจ้าทำเป็นไม่ได้ยินอะไร แต่พวกเจ้าก็กลับสนใจเสียงของผีพวกนั้น และยังไปทะเลาะกับผีอีก" คิกะซะรุกล่าว
"ตอนที่เดินผ่านแมวยักษ์ ท่านโชกุนขอให้พวกเจ้าเงียบกริบ แต่เจ้าก็ดันตะโกนจนเจ้าแมวนั่นตื่นขึ้นมา" อิวะซะรุพูดขึ้นบ้าง
"และท้ายสุดเมื่อท่านโชกุนขอให้พวกเจ้าอย่าสนใจอะไรที่เกิดขึ้นในอาณาบริเวณของศาลเจ้า พวกเจ้าก็เข้าไปจุ้นจ้านกับเจ้าพวกที่เล่นการพนันนั้นอยู่อีก สรุปว่าพวกเจ้าไม่ผ่านทุกการทดสอบ" มิซะรุสรุปปิดท้าย
"ดังนั้น พวกเราจึงขอตัดสินให้เจ้าสามตัวนี้อยู่ในร่างลิงตลอดไป" ตุลาการลิงทั้งสามตัวพูดขึ้น
"หา!!!" "ไม่นะนี่ฉันต้องกลายเป็นลิงไปตลอดชาติอย่างนั้นเลยเหรอ เจี๊ยก!" ลิงนาซิสซ่าโวยวาย
"แง้ คุณแม่ขาช่วยด้วยคะ เจี๊ยก!" ลิงทิวาคร่ำครวญ
"อั๊วไม่เอาน่อ เจี๊ยก!" ลิงเหมยฮัวว่า
"ได้เวลากลับไปนอนแล้ว" ตุลาการลิงทั้งสามตัวกล่าว
"เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ" ยูริตะโกนเรียก
"มีอะไรอีกล่ะเด็กน้อย?" มิซะรุถาม
"ยูริอธิบายได้นะเจ้าคะว่าทำไมถึงได้ทำอย่างนั้นลงไป"
"หือ?"
"จริงอยู่ที่ท่านโชกุนอาจจะสั่งให้พวกเราแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงของภูติผีปีศาจ หรือให้เงียบเมื่อเดินผ่านเจ้าแมวยักษ์ หรือให้ทำเป็นไม่สนใจอะไรที่ปรากฏต่อสายตาพวกเราในบริเวณศาลเจ้า แต่ยูริก็มีเหตุผลในการฝ่าฝืนคำสั่งของท่านโชกุนเจ้าค่ะ นั่นคือ เพื่อนของยูริน่ะเจ้าค่ะ"
"ที่เจ้าพูดหมายความว่าอย่างไร?" โชกุนถาม
"ท่านโชกุนก็คงได้ยินนะเจ้าคะว่าพวกผีนินทาคุณนาซิสซ่าอย่างไรบ้าง คุณนาซิสซ่าเป็นเพื่อนของยูริค่ะ และยูริทนไม่ได้ที่จะให้ใครมาว่าร้ายเพื่อนของยูริ ยูริจึงต้องปกป้องเพื่อนเจ้าค่ะ"
"แล้วตอนที่เราผ่านเจ้าแมวยักษ์มานั่น เจ้าจะอธิบายว่าอย่างไรล่ะ ?" โชกุนถามต่อไป
"นั่นเพราะคุณทิวากำลังจะทำผิด เจ้าค่ะ"
"ทำผิด?"
"ใช่แล้วเจ้าค่ะ อาหารที่ลอยอยู่หลังจากที่เราผ่านเจ้าแมวยักษ์มานั้น ไม่ใช่อาหารที่ทำไว้สำหรับพวกเรา พวกเราไม่มีสิทธิ์กิน เมื่อคุณทิวาทำท่าจะกิน ยูริจึงต้องรีบห้ามไว้เจ้าค่ะ"
"และถึงแม้ว่ายูริจะเป็นคนซุ่มซ่ามหรือขี้กลัวอย่างไร ยูริก็ไม่ปล่อยให้ใครมาทำร้ายเพื่อนของยูริหรอกเจ้าค่ะ"
"ว่าอย่างไรล่ะ ท่านตุลาการ" โชกุนหันไปถาม
ตุลาการลิงทั้งสามหันไปปรึกษาหารือกันสักพักก็หันกลับมาส่งยิ้มให้กับยูริ
"ยินดีด้วย พวกเจ้าผ่านการทดสอบแล้ว" มิซะรุกล่าว และเมื่อเห็นยูริและเพื่อน ๆ ลิงของเธอทำหน้างง
คิกะซะรุก็อธิบายว่า
"ท่านโชกุนและพวกเราต้องการทดสอบมิตรภาพของพวกเจ้า ดังนั้น พวกเราจึงให้พวกภูติผีปีศาจไปพูดนินทาเพื่อนคนหนึ่งของพวกเจ้าเพื่อดูว่า เจ้าจะมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างไรบ้าง การที่เจ้ากล้าเข้าไปห้ามปรามพวกปีศาจไม่ให้ว่าร้ายเพื่อนของเจ้า แสดงว่าเจ้าเห็นว่าชื่อเสียงของเพื่อนเป็นสิ่งสำคัญ"
"เรารู้ว่าเพื่อนเจ้าคนหนึ่งเป็นคนตะกละ"
อิวะซะรุ หันไปมองหน้าลิงทิวาครั้งหนึ่งก่อนจะกล่าวต่อไปว่า "เราจึงเอาอาหารอร่อย ๆ ล่อไว้ ตรงหลังเจ้าแมวยักษ์นั่น การที่เจ้าห้ามปรามเพื่อนของเจ้าไม่ให้ไปเอาสิ่งของที่ไม่มีสิทธิ์มาเป็นของตน แสดงว่าเจ้าถือความถูกต้องเป็นสำคัญ ไม่ตามใจเพื่อนไม่ให้ทำในสิ่งที่ผิดศีลธรรม"
"และการที่
เจ้าเข้าไปขวางกันไม่ให้พวกรูปสลักที่กำลังเล่นการพนันอยู่ทำร้ายเพื่อนของเจ้า แสดงว่าเจ้าเห็นชีวิตของเพื่อนสำคัญกว่าชีวิตของตนเอง เจ้าแสดงออกให้พวกเราเห็นว่าเพื่อนที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร เด็กน้อย พวกเราจึงให้เจ้าผ่านการทดสอบ และในเมื่อเจ้าผ่านการทดสอบแล้ว เราก็จะทำตามคำขอร้องของเจ้า"
ตุลาการลิงทั้งสามพึมพำคาถาอะไรซักอย่าง ก่อนที่จะเกิดควันขึ้นปกคลุมอาณาบริเวณของศาลเจ้า ยูริรู้สึกง่วงขึ้นมาโดยฉับพลัน แม้ว่าจะพยายามฝืนไว้สักเพียงใดก็ไม่อาจต้านทานได้อีก จำต้องหลับตาลง แต่ก่อนที่จะเปลือกตาจะปิดลงนั้น ยูริก็ได้ยินเสียงพูดของท่านโชกุน "ทำได้ดีมากเด็กน้อย ข้าขอให้เจ้าจงรักษามิตรภาพแบบที่เจ้าทำในคืนนี้ต่อเพื่อนของเจ้าตลอดไปนะ"
เวลาจะผ่านไปนานเท่าใดก็ไม่อาจจะรู้ได้ แต่เมื่อลืมตาขึ้นมายูริก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องนอนเดียวกันกับเพื่อนอีกสามคนในเรียวคังที่พักอยู่นั่นเอง
"คร่อก ฟี้!" เสียงกรนของทิวาดึงสติของยูริกลับคืนมา เธอรีบโผเข้าไปกอดทิวาทันที
"คุณทิวาคืนร่างเดิมแล้วหรือเจ้าคะ ยูริดีใจจังเลย"
"เฮ้ย! อะไรกันนี่ยูริ มากอดฉันทำไม?"
"ตื่นเช้ามาก็โวยวายใหญ่เลยนะยะ ยัยลิงกัง" นาซิสซ่าพูดพลางอ้าปากหาว
"พวกลื๊อนี่ก็ เอะอะไปได้ คนยิ่งนอนไม่ค่อยหลับอยู่ด้วย" เหมยฮัวลุกขึ้นบิดขี้เกียจ
"อ้าวเป็นอะไรไปล่ะเหมยฮัว ไม่สบายเหรอ" ทิวาถาม
"ก็เมื่อคืนเป็นอะไรก็ไม่รู้ ฝันร้าย คือ อั๊วฝันว่าอั๊วกลายร่างเป็นลิงน่ะสิ"
"เอ๋! แปลกนะฉันก็ฝันอย่างเดียวกันเลย" ทิวาพูด
"ฉันก็ด้วย" นาซิสซ่าพูด
"อายูริ ลื๊อฝันแบบพวกเราหรือเปล่าน่อ" เหมยฮัวหันไปถามยูริ แต่ยูริเพียงแค่ยิ้มกลับมาเท่านั้น
"นี่พวกเธอมัวแต่ทำอะไรอยู่น่ะ"
"โรซารี่!!!"
"ใกล้ได้เวลาออกเดินทางแล้วนะ ไปทำธุระให้เสร็จแล้วรีบไปกินอาหารเช้ากันได้แล้ว" โรซารี่บอกเพื่อน ๆ ของเธอ
"นี่อาโรซารี่ ลื๊อฝันประหลาดบ้างไหม?" เหมยฮัวถามโรซารี่ "ฝันว่าอะไรอ่ะ?" โรซารี่ถามเหมยฮัว
ในขณะที่เด็กหญิงทั้งสี่มัวแต่วุ่นวายกับการจัดของ ครูประจำชั้นห้อง E ที่แอบฟังการสนทนาอยู่นอกห้องก็ได้เดินหลบไปทางมุมหนึ่งของเรียวคังก่อนจะใช้โทรศัพท์มือถือโทรหาใครคนหนึ่ง
"ค่ะ ท่านผู้อำนวยการ น้ำหอมใช้การได้ดีเลยล่ะค่ะ" "ค่ะ ค่ะ แค่นี้นะคะ"
น้ำหอมนิทรา น้ำหอมสูตรพิเศษที่ผลิตขึ้นโดยแผนกวิจัยร่วมกันของสถาบันลา ฟลอร่า และสถาบันโนอาห์ น้ำหอมที่จะพาให้ผู้สูดดมได้เข้าสู่ห้วงนิทราอันแสนจะประหลาด แล้วเมื่อตื่นขึ้นมาพวกเขาหรือพวกเธอเหล่านั้นจะพบว่าความฝันนั้นน่ามหัศจรรย์ยิ่งนัก สามารถเปลี่ยนอุปนิสัยของคนจากร้ายให้กลายเป็นดีได้
ครูมารีปิดโทรศัพท์มือถือลง ก่อนที่จะเดินไปทางห้องพักของบรรดานักเรียนประจำชั้นและพูดว่า
"เลดี้ทั้งหลายคะ ได้เวลาออกเดินทางแล้วค่ะ"
อ้างอิง
๑)
Nikkō Tōshō-gū ,https://en.wikipedia.org/wiki/Nikk%C5%8D_T%C5%8Dsh%C5%8D-g%C5%AB
๒) Shrines and Temples of Nikko,
http://whc.unesco.org/en/list/913
๓)
https://en.wikipedia.org/wiki/Three_Wise_Monkeys
๔)
ลิงสามตัว ,
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7
๕) "วิฬาร์และวานร อุทาหรณ์จากนิกโก้",
ทอดตาทั่วแผ่นดิน, ต่วย'ตูนพิเศษ ฉบับที่ ๔๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๓.